บทความทั้งหมด

1,195 รายการ

รวบสาวสองกระชากสร้อย หลังหลบหนีกบดานสำนักสงฆ์กว่า 2 ปี   ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริต โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบทราบว่ามีคนร้าย ข้อหา วิ่งราวทรัพย์ ได้ไปอาศัยใบบุญสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมาปิดบังความผิด หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบ 2 ปี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้สั่งกำชับให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล ดำเนินการจับกุมตัวให้ได้              ต่อเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 10.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  สั่งการพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น.  พ.ต.อ.วิชิต  ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์  รอง ผกก.สส.1ฯ พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ, ปฏิบัติราชการ  สว.กก.สส.1 พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 2 พร้อมนักเรียนสืบสวนคดีอาญา รุ่น 114 (ชป.2) ดำเนินการจับกุมตัว              นายอมรเทพ อายุ 29 ปี ภูมิลำเนา ตำบลหนองอึ่ง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ จ.98/2565 ลงวันที่ 2 พ.ค.65            ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร” จับกุมได้ที่บริเวณ สำนักสงฆ์ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา        พฤติการณ์แห่งคดี คือ เมื่อประมาณวันที่ 29 เมษายน 2565 เวลากลางวัน นายอมรเทพ ได้ขับรถจักรยานยนต์ Honda Wave สีเขียว ของน้องสาว ไม่ทราบป้ายทะเบียน มายังร้านขายก๋วยเตี๋ยว บริเวณหมู่บ้านบ้านเงี่ยง ขณะจอดซื้อก๋วยเตี๋ยว เห็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวสวมสร้อยคอทองคำ หนักประมาณ 1 บาท บริเวณคอ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบอาศัยช่วงเวลาที่แม่ค้าเผลอกระชากสร้อยคอทองคำฯ แล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป จากการตรวจสอบในฐานระบบ ยังพบมีหมายจับติดตัวอีก 1 หมาย เป็นหมายจับศาลแขวงปทุมวัน ที่ 191/2563 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2563 ในการกระทำความผิดฐาน “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”          ในชั้นจับกุมสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตามวันเวลาดังกล่าวได้ทำการกระชากสร้อยคอทองคำฯ ของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวไปจริง จากนั้นได้นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป          สถานที่จับกุมบริเวณ สำนักสงฆ์ป่ามะขาม ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา         นำส่งสภ.อุทุมพรพิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป      พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวทิ้งท้ายว่าผู้กระทำความผิดทั้งหลาย ที่เป็นมารร้ายในสังคม ทำผิดแล้วไปชุบตัว แสร้งทำดี แอบแฝงตัวในสำนักสงฆ์ เวรกรรมมันตามทัน โปรดอย่าใช้วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมเป็นสถานที่ล้างมลทิน สร้างความเสริมศรัทธาแก่ชาวบ้าน ยิ่งหนียิ่งไม่รอด

ผู้การ บก.น.2 เตรียมเรียกทนายตั้มให้ข้อมูลเพิ่มเติม กรณีเส้นเงิน ผบ.ตร.โยงเว็บพนันกองบังคับการตำรวจนครบาล 2-20 เม.ย.67 พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (ผบก.น.2) เปิดเผยก่อนการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดี BNKMASTER ว่า วันนี้ได้เรียกคณะพนักงานสอบสวนของสน.เตาปูนกับคณะพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่ตั้งขึ้นมาติดตามความคืบหน้าจากกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยได้นำหลักฐานเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและครอบครัว ไปแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวนสน.เตาปูน เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา  พล.ต.ต.อรรถพล กล่าวต่อว่า มีประเด็นโดยจะนำบัญชีที่นายษิทราให้ข้อมูลมาขอข้อมูลกับทางธนาคารไป ซึ่งบัญชีต่างๆ เหล่านั้นมีจำนวนหลายบัญชีมาก ข้อมูลได้มาบางส่วน วันนี้จะให้ฝ่ายสืบสวนเอาข้อมูลที่วิเคราะห์แล้วมาดูว่ามีนิติกรรมอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง และดูว่าอันไหนที่จะใช้เป็นพยานหลักฐานได้ แต่ยังมีอีกหลายบัญชีที่ยังไม่ได้มาคงต้องใช้เวลาพอสมควร ส่วนจะต้องมีการเรียกทนายตั้มมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นั้น พล.ต.ต.อรรถพล เปิดเผยอีกว่า ขอให้เห็นข้อมูลวันนี้ก่อนเพราะบางบัญชีที่ นายษิทราให้มา ไม่ทราบสาขาหรือบางข้อมูลทราบเลขบัญชีไม่ทราบธนาคาร ทั้งนี้จะมีการพิจารณาว่าจะต้องเรียกทนายษิทรามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกหรือไม่ อาจจะต้องฝากถามว่าที่ให้ข้อมูลมามีข้อมูลใดเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะเน้นในเรื่องพยานหลักฐาน ตามที่ได้มานั้น ก็ต้องตรวจสอบอีกครั้ง เพราะการที่จะเอาเข้าประกอบสำนวนคดีได้ ก็จะต้องมาจากเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตามกฎหมาย

แม่ร้อง “ปวีณา” ลูกสาวเสียชีวิตที่บาห์เรน 1 ปี ทางสถานทูตเพิ่งแจ้งข่าว คาใจปมการตาย วันที่ 20 เม.ย.67 เวลา 13.00 น. แม่ร้อง "ปวีณา" ลูกสาวอายุ 31 ปี ไปอยู่กินกับสามีชาวบาห์เรน ที่ประเทศบาห์เรน ขาดการติดต่อไปนาน 1 ปี ทางบ้านโพสต์ตามหาหลายครั้งแต่ไม่มีใครรู้ข่าว จู่ๆ 2 วันก่อน สถานทูตแจ้งว่า มีศพสาวนิรนาม เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.66 ถูกเก็บไว้อยู่ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลซัลมาเนีย ประเทศบาห์เรน มานาน 1 ปีแล้ว ซึ่งแม่สงสัยทำไมเจ้าหน้าที่เพิ่งจะแจ้งข่าว จากนั้นให้ญาติไปดูรูปศพ จำรอยสักที่ขาได้แม่นยำ ซึ่งแพทย์ที่โรงพยาบาลประเทศบาห์เรนระบุสาเหตุการตาย "ปอดและหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นพิษ" แต่แม่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะเห็นในรูปถ่ายของศพมีรอยช้ำตามตัว และก่อนที่ลูกสาวจะหายไปเคยส่งรูปบาดแผลฟกช้ำตามตัวมาให้แม่และน้องดู พร้อมบอกว่า ถูกสามีชาวบาห์เรนทำร้ายบ่อยครั้ง แม่จึงคาดว่าการเสียชีวิตของลูกสาวอาจมีเงื่อนงำ หรืออาจจะถูกสามีทำร้ายจนเสียชีวิต ขอช่วยนำศพลูกสาวกลับไทยส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง "ปวีณา" กระทรวงการต่างประเทศ ช่วยเหลือในขั้นตอนการนำศพกลับไทย และขอน้ำใจคนไทยในบาห์เรนร่วมบริจาคเงินเป็นค่าใช้จ่ายส่งศพสาวไทยกลับมาบ้านเกิด เนื่องจากครอบครัวผู้เสียชีวิตมีฐานะยากจน  นางเอม (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า น.ส.บี (นามสมมุติ) ลูกสาวอายุ 31 ปี เดินทางไปทำงานร้านอาหารที่ประเทศบาห์เรนตั้งแต่ปี 64 เพราะครอบครัวฐานะยากจน ลูกสาวเป็นเสาหลักครอบครัว หาเงินส่งมาให้แม่และส่งเสียลูกน้อยอีก 3 คน ที่ผ่านมาลูกสาวจะติดต่อกับแม่และพี่น้องเป็นประจำผ่านทางแชตเฟซบุ๊ก กระทั่งปี 66 ลูกสาวบอกว่าได้อยู่กินกับสามีชาวบาห์เรน และสามีชอบหาเรื่องทะเลาะทำร้ายร่างกายเป็นประจำ พร้อมกับส่งภาพบาดแผลฟกช้ำตามตัวและคลิปวิดีโอร้องไห้มาให้แม่ดู แม่สงสารลูกจับใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร  ต่อมาวันที่ 14 เม.ย.66 แม่ก็ยังเห็นลูกสาวโพสต์เฟซบุ๊กทำนองตลกขำๆ ว่า "อุ้ย ตื่นมาหน้าแก่จัง" ซึ่งแม่ก็ไม่คิดว่าโพสต์นั้นจะเป็นโพสต์สุดท้าย แต่หลังจากนั้นแม่ก็ไม่สามารถติดต่อลูกได้อีก ส่งแชตข้อความไปก็ไม่มีการเปิดอ่าน และไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากลูกสาวอีกเลย กระทั่งเดือน ม.ค.67 แม่ได้ให้พี่สาวของน.ส.บี ติดต่อไปยังสถานทูตไทย ขอให้ช่วยประกาศตามหาตัวน.ส.บี ในชุมชนคนไทยในบาห์เรนแต่ก็ไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลใดๆ จากนั้นน้องสาวของน.ส.บี จึงได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตามหาพี่สาว ในเพจเฟซบุ๊ก กลุ่มคนไทยในประเทศบาห์เรน ช่วยติดตามหาแต่ก็ยังไม่มีวี่แวว กระทั่งวันที่ 18 เม.ย.67 ครอบครัวได้รับการติดต่อจากสถานทูตว่า พบศพหญิงสาว ซึ่งยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้ เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.66 ศพถูกเก็บไว้อยู่ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลซัลมาเนีย ประเทศบาห์เรน มานาน 1 ปีแล้ว พร้อมกับให้แม่และญาติไปพบเพื่อดูรูปศพ ซึ่งแม่จำรอยสักที่ขาของ น.ส.บี ได้แม่นยำ โดยแพทย์ที่โรงพยาบาลประเทศบาห์เรนระบุสาเหตุการตายว่า "ปอดและหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นพิษ" ซึ่งแม่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะเห็นในรูปถ่ายของศพมีรอยช้ำตามตัว และก่อนที่ลูกสาวจะหายไปเคยส่งรูปบาดแผลฟกช้ำตามตัวมาให้แม่และน้องดู พร้อมบอกว่า ถูกสามีชาวบาห์เรนทำร้ายบ่อยครั้ง จึงคาดว่าการเสียชีวิตของลูกสาวอาจมีเงื่อนงำ เพราะเคยถูกสามีชาวบาห์เรนทำร้ายร่างกายเป็นประจำก่อนจะขาดการติดต่อไป และแม่ยังสงสัยว่าลูกสาวเสียชีวิตไปนานถึง 1 ปี ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงเพิ่งจะแจ้งญาติ แต่ด้วยครอบครัวฐานะยากจนไม่รู้จะทำอย่างไร จึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือประสานนำศพลูกสาวกลับไทยเพื่อมาชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง   หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการส่งศพน.ส.บี กลับประเทศไทย และขอน้ำใจคนไทยในบาห์เรนช่วยเหลือบริจาคเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งศพน.ส.บี กลับมา โดยนางปวีณา จะประสานสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ในการส่งศพน.ส.บี ไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง เพื่อให้ความกระจ่างกับแม่และญาติน.ส.บี  นางปวีณา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน.ส.บีด้วย และขอเตือนสาวไทยที่คิดจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศควรจะตรวจสอบให้ดีเสียก่อน เนื่องจากเสี่ยงที่จะถูกหลอกค้าประเวณี ค้ามนุษย์ บังคับให้เสพยาเสพติด บางรายถึงขั้นถูกทำร้ายทุบตีจนเสียชีวิต ซึ่งจากสถิติมูลนิธิปวีณาฯ ตั้งแต่ปี 2547-2565  มีสาวไทยถูกหลอกไปค้าประเวณีในต่างประเทศ ที่เป็นอันดับ 1 คือ บาห์เรน จากนั้นในปี 2566 สาวไทยถูกหลอกไปค้าประเวณีถึง 219 ราย อันดับ 1 คือ ดูไบ 56 ราย อันดับ 2 คือ เมียนมา 54 ราย อันดับ 3 คือ บาห์เรน 25 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจะช่วยเหลือไม่ได้ทุกราย จากสถิติมูลนิธิปวีณาฯ ได้ช่วยเหลือสาวไทยที่เสียชีวิตในต่างประเทศโดยไม่ทราบสาเหตุหลายรายและการติดตามคดีก็เป็นไปได้ยาก

ไม่2มาตรฐานดำเนินคดี2บิ๊กตำรวจ จ่อมอบหมายพนง.สอบสวนนัด “ทนายตั้ม” ให้ข้อมูลพลตำรวจตรี อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกคณะพนักงานสอบสวนของ สน. เตาปูนและ บก.น.2 มาประชุมติดตามเพื่อเร่งรัดคดีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้นำหลักฐาน เส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ของ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และครอบครัว ไปแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวนสน.เตาปูน เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา  หลังจากประชุมนานกว่า 4 ชั้วโมง พลตำรวจตรี อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพยานหลักฐาน โดยเฉพาะเส้นทางการเงินที่ นายษิทรา นำมามอบให้พนักงานสอบสวนพบว่ามีบางบัญชีที่สามารถตรวจสอบได้ แต่ก็มีอีกกว่า 10 บัญชี ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบถึงที่มาที่ไปในการที่นำมาเป็นหลักฐานสำหรับใช้เเจ้งความ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ โดยขณะนี้ได้มีการเร่งรัดไปยังธนาคารต่างๆและที่ผ่านมาธนาคารให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนที่มีการมองระยะเวลาในการขอข้อมูลว่าจะระยะเวลานานจน ทำให้ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติ เกษียณก่อนหรือไม่นั้น พลตำรวจตรี อรรถพล ยืนยันว่า ไม่มี 2 มาตรฐาน หรือเลือกปฏิบัติพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย  แต่ที่ผ่านมา มีการสอบปากคำพยานมีการหลายปาก ซึ่งหลังจากนี้จะมีการให้นายษิทรา มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้งซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างที่พนักงานสอบสวนจะนัดหมายว่าจะเข้าให้เข้ามาให้ข้อมูลช่วงช่วงวันเวลาใด

คุ้มนะหน้าทองจัดแถลงข่าวพิธีสืบชะตาบูชาดวงใหญ่ที่สุดในไทย ดารา นักร้อง นักแสดง แห่ร่วมงานเพียบ เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 19 เมษายน 67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่คุ้มนะหน้าทอง ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พบว่าในวันนี้ทางคุ้มนะหน้าทอง ได้จัดพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ ประจำปี 2567 บวงสรวงเปิดโชคลาภบารมี ฤกษ์นันทาดิถี สิทธิโชคขอพรการเงิน เทพอินทร์แปลงสี่หูห้าตา และพญานาคราช พร้อมจัดแถลงข่าวพิธีสืบชะตาบูชาดวงใหญ่ที่สุดในไทย ที่จะจัดขึ้นวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2567  ณ MCC HALL เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน      โดยในงานนี้มีดารา นักร้อง นักแสดงชื่อดังร่วมงานมากมาย อาทิ พระเอกหนุ่มหุ่นล่ำ อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ , บ๊วย เชษฐวุฒิ , ธัญญ่า อาร์สยาม ร่วมถวายเสียง และดีเจมะตูม เตชินท์ ร่วมรำถวายพิธีบวงสรวงไหว้เทพอินทร์แปลงสี่หูห้าตา และองค์ปู่พญานาคคุ้มนะหน้าทอง พร้อมด้วยเกจิอาจารย์ฆราวาสจอมขมังเวทย์มากมาย ได้แก่ 1.อาจารย์สุบิน นะหน้าทอง 2.พ่อเพชร ครูหมอเฒ่า 3.อาจารย์แขก รือเสาะ 4.อาจารย์อ๋อ บ่อทอง 5.อาจารย์ต้นรัก สลักยันต์ 6.อาจารย์อินเทพ เข็มเสน่ห์นะหน้าทอง 7.อาจารย์กิตติ นะสาริกา และ 8.แม่ครูฟ้าใส นฤมล คาแพงน้อย ที่มาร่วมพิธีเบิกฤกษ์ชัยสู่พิธีใหญ่สืบชะตาบูชาดวง ที่กำลังจะจัดขึ้น      ซึ่งงานพิธีสืบชะตาบูชาดวงใหญ่ที่สุดในไทย วันที่ 4-5 พฤษภาคม 2567 ณ MCC HALL เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ผู้ที่เข้าร่วมพิธีจะได้พบกับการประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์แบบล้านนา โดยพระสงฆ์ 9 รูป และอาจารย์ฆราวาสชื่อดังกว่า 199 ท่าน ดารานักแสดง นักร้อง นักธุรกิจชื่อดังมากกว่า 1,000 คน ที่เป็นลูกศิษย์ของทางคุ้มนะหน้าทอง มาร่วมงาน บรรยากาศภายในงานจะเป็นกาดมั่ว ตลาดโบราณของชาวล้านนา มีร้านอาหารทั้งคาวและหวาน ชื่อดังมากกว่า 80 บูธ มีการแจกคูปองเงินสดมากกว่า 600,000 บาท พร้อมทั้งยังยกสิ่งศักด์สิทธิ์จากคุ้มนะหน้าทองมาให้ทุกคนได้สักการะ ขอพรฟรี      นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ภายในงาน แจกเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล โปสเตอร์ พระพุทธสิหิง  , พระพรหม 3 หน้า , พญาเขาคำ เปรียบเสมือนขุนแผน ตามฉบับล้านนา , ไม้ค้ำยันต์ , ธงประจำวันเกิด , ผ้ายันต์พระพรหม 3 หน้า ฯลฯ เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้นำไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตอีกด้วย

เจอพลั่วตักดิน 2 อัน มีคราบเลือด ใกล้จุดพบชิ้นส่วนศพ   เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 19 เมษายน 67 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่คุ้มนะหน้าทอง ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พบว่าในวันนี้ทางคุ้มนะหน้าทอง ได้จัดพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ ประจำปี 2567 บวงสรวงเปิดโชคลาภบารมี ฤกษ์นันทาดิถี สิทธิโชคขอพรการเงิน เทพอินทร์แปลงสี่หูห้าตา และพญานาคราช พร้อมจัดแถลงข่าวพิธีสืบชะตาบูชาดวงใหญ่ที่สุดในไทย ที่จะจัดขึ้นวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2567  ณ MCC HALL เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน      โดยในงานนี้มีดารา นักร้อง นักแสดงชื่อดังร่วมงานมากมาย อาทิ พระเอกหนุ่มหุ่นล่ำ อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ , บ๊วย เชษฐวุฒิ , ธัญญ่า อาร์สยาม ร่วมถวายเสียง และดีเจมะตูม เตชินท์ ร่วมรำถวายพิธีบวงสรวงไหว้เทพอินทร์แปลงสี่หูห้าตา และองค์ปู่พญานาคคุ้มนะหน้าทอง พร้อมด้วยเกจิอาจารย์ฆราวาสจอมขมังเวทย์มากมาย ได้แก่ 1.อาจารย์สุบิน นะหน้าทอง 2.พ่อเพชร ครูหมอเฒ่า 3.อาจารย์แขก รือเสาะ 4.อาจารย์อ๋อ บ่อทอง 5.อาจารย์ต้นรัก สลักยันต์ 6.อาจารย์อินเทพ เข็มเสน่ห์นะหน้าทอง 7.อาจารย์กิตติ นะสาริกา และ 8.แม่ครูฟ้าใส นฤมล คาแพงน้อย ที่มาร่วมพิธีเบิกฤกษ์ชัยสู่พิธีใหญ่สืบชะตาบูชาดวง ที่กำลังจะจัดขึ้น      ซึ่งงานพิธีสืบชะตาบูชาดวงใหญ่ที่สุดในไทย วันที่ 4-5 พฤษภาคม 2567 ณ MCC HALL เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน ผู้ที่เข้าร่วมพิธีจะได้พบกับการประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์แบบล้านนา โดยพระสงฆ์ 9 รูป และอาจารย์ฆราวาสชื่อดังกว่า 199 ท่าน ดารานักแสดง นักร้อง นักธุรกิจชื่อดังมากกว่า 1,000 คน ที่เป็นลูกศิษย์ของทางคุ้มนะหน้าทอง มาร่วมงาน บรรยากาศภายในงานจะเป็นกาดมั่ว ตลาดโบราณของชาวล้านนา มีร้านอาหารทั้งคาวและหวาน ชื่อดังมากกว่า 80 บูธ มีการแจกคูปองเงินสดมากกว่า 600,000 บาท พร้อมทั้งยังยกสิ่งศักด์สิทธิ์จากคุ้มนะหน้าทองมาให้ทุกคนได้สักการะ ขอพรฟรี      นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ภายในงาน แจกเครื่องรางของขลัง วัตถุมงคล โปสเตอร์ พระพุทธสิหิง  , พระพรหม 3 หน้า , พญาเขาคำ เปรียบเสมือนขุนแผน ตามฉบับล้านนา , ไม้ค้ำยันต์ , ธงประจำวันเกิด , ผ้ายันต์พระพรหม 3 หน้า ฯลฯ เพื่อให้ผู้ร่วมงานได้นำไปบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตอีกด้วย

จับต่อเนื่องหนุ่มบัญชีม้า ลวงโอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต. วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อริยพล สินสอน, พ.ต.อ.มงคล พรานสูงเนิน, พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑาผกก.6 บก.ปทส, พ.ต.ท.ปวารณ์  ดาลจาวัล รอง ผกก.6 บก.ปทส. ​เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.อภิชาติ อินยอด สว.กก.6 บก.ปทส., ร.ต.อ.รณฤทธ อินทร์คง รอง สว.กก.6บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ปทส.         ร่วมกันจับกุม นายนพชัยฯ อายุ 35 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 854/2565ลง 26 กันยายน  2565 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”​สถานที่จับกุม บริเวณอู่ซ่อมรถยนต์แห่งหนึ่ง ต.หาดใหญ่  อ.หาดใหญ่  จว.สงขลา​พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๕  ผู้เสียหายได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรศัพท์มาหาหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ กสทช. แจ้งว่าผู้เสียหายได้มีบุคคลนำบัตรของผู้เสียหายไปใช้ทำเว็บการพนันและเอาไปทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย และบอกว่าผู้เสียหายจะต้องโอนเงินมาเพื่อตรวจสอบบัญชี ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงิน มีจำนวน  2 ครั้ง  จำนวนเงิน  2,500 บาท และ 1,300 บาท  รวม 3,800 บาท เพื่อให้เจ้าหน้าที่ กสทช. ทำการตรวจสอบบัญชี ภายหลังผู้เสียหายทราบว่าถูกหลอกแล้วจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมายต่อไป​ต่อมา เจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ปทส. สืบสวนทราบว่ามีบุคลตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่ 854/2565 ลง 26 กันยายน  2565 มาหลบซ่อนอยู่ที่อู่ซ่อมรถยนต์ ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังสถานที่ตามที่ดังกล่าว พบนายนพชัยฯ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับให้ นายนพชัยฯแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ให้นายนพชัยฯ ได้รับทราบและเข้าใจข้อกล่าวหาโดยตลอดแล้ว จึงได้นำผู้ถูกจับกุมตามหมายจับ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ​ ​สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การเพิ่มเติมว่า ประมาณปี พ.ศ.2563 นางสาวหยกฯ ซึ่งบ้านอยู่ใกล้เคียงกันมาขอร้องให้ตนเปิดบัญชีธนาคารให้โดยมีค่าตอบแทน 500 บาท แต่ตนปฏิเสธไม่รับเงินดังกล่าว ตนไม่ทราบว่าบัญชีดังกล่าว นางสาวหยกฯ นำไปใช้อะไร แต่ก็ให้ข้อมูลและบัญชีกับนางสาวหยกฯ ไป เพราะเห็นเป็นคนรู้จักกัน ​ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย การเปิดบัญชีธนาคารให้ผู้อื่นใช้กระทำความผิด เป็นความผิดทางอาญา มีโทษตามกฎหมาย

รวบ “โอ VK ยืน 1 คลิปโป้เด็ก” เผยแพร่ ขายคลิปสื่อลามก อนาจารเด็ก   จากนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมทางออนไลน์ ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมากโดย ชุดลาดตระเวนออนไลน์ สืบนครบาล สืบสวนพบ ผู้กระทำผิดขายคลิปโป้ สื่ออนาจารแพลตฟอร์ม VK ชื่อ ขายงาน เด็กเด็ก มีผู้ติดตาม 860 คน มีข้อความโฆษณาดังนี้ “ขายลิงค์ MEGA แนวเด็กน้อย เด็กประถม เด็กนักเรียน จำนวน 5,000 คลิป เป็นแนวเด็กทั้งหมด             วันที่ 19 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 08.35 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.  สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์, พ.ต.ท.นิธิ ปิยพันธุ์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สัญญลักษ์ สังขะภักดี สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ชาญชัย น่าดู รอง สว.กก.สส.3 ร.ต.อ.ภัทรพล ดวงหิรัญ รอง สว.กก.สส.3 ฯพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น.(ชุดปฏิบัติการที่  3/1) ร่วมกันจับกุมตัว          นายลภัสหรือโอ  อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร      พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 4  รายการ  ดังนี้     1. คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ยี่ห้อ Asus      2. Adaptor โน๊ตบุ๊ค     3. โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Xiaomi      4. สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นายลภัสฯ      กระทำความผิดฐาน นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ , เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามก  และเพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร         พฤติการณ์แห่งการจับกุม เมื่อวันที่ 13 เม.ย.67 เวลาประมาณ 14.30 น. สืบสวนพบว่ามีการประกาศขายสื่อลามกอนาจารผ่านแพลตฟอร์ม VK ชื่อ ขายงาน เด็กเด็ก มีผู้ติดตาม 860 คน มีข้อความโฆษณาดังนี้ “ขายลิงค์ MEGA แนวเด็กน้อย เด็กประถม เด็กนักเรียน จำนวน 5,000 คลิป เป็นแนวเด็กทั้งหมด สนใจสามารถทักเข้ามาขอตัวอย่างได้ผ่าน LINE ตัวคลิปทั้งหมดจะเป็นลิงค์ส่งให้ดาวน์โหลดโดยตรง เป็นงานนักเรียนไทย คละกับงานเด็กต่างชาติ ด่วนราคานี้ก่อนสิ้นเดือนเท่านั้น เหมาตอนนี่เข้ากลุ่ม line vip อีก 6 กลุ่ม และกลุ่ม telegram อีก 1 กลุ่มด้วยนะ” เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบประกาศ       …

ผงะ!ชาวบ้านเจอชิ้นส่วนมนุษย์ ถูกตัดแยกชิ้นยัดใส่ถุง 4 ใบทิ้งบ่อน้ำร้าง เชื่อฆ่าอำพรางคดี จากกรณีเมื่อ เวลา 18.30 น.วันที่ 19 เม.ย.67 พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งพบชิ้นส่วนมือของมนุษย์​ ถูกทิ้งอยู่บนลานดิน ภายในซอยจัดสรรที่ดิน 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย หมู่ 4 ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทางแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งรุดตรวจสอบ    ล่าสุด เมื่อเวลา 22.30น. วันที่ 19 เม.ย.67 ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ตรวจสอบพบถุงดำจำนวน 4 ถุง อยู่ในในบ่อน้ำห่างจากจุดที่พบข้อมือมนุษย์ถัดไปประมาณ 500 เมตร มีบ่อน้ำอีกบ่อหน้าทางออก  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภายในถุงดำพบชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่มเติม แยกกันไว้ 4 ถุง พบ ถุงที่1พบกระดูกซี่โครง ถุงที่2พบกระดูกหน้าแข้ง ถุงที่3พบกระดูกฝ่ามือ และถุงที่4พบเศษเนื้อที่มีรอยสักมีลักษณะเน่าเปื่อยพร้อมผ้าขนหนูกับถุงมือสีขาว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีร่องรอยชัดเจนว่าชิ้นส่วนทั้งหมดถูกตัดด้วยของมีคม ก่อนจะแยกนำมาทิ้งเพื่ออำพรางศพ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าเป็นเหตุฆ่าตกรรม จะนำหลักฐานและชิ้นส่วนมนุษย์ไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์และจะสืบสวนหาตัวผู้เสียชีวิต และหาตัวผู้ก่อเหตุต่อไป      นายภูตะวัน วงษ์แท้ อายุ 23ปี เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เล่าว่า ตนได้รับแจ้งเหตุประมาณ 5 โมงเย็น ได้รับแจ้งจากศูนย์กู้ชีพว่ามีประชาชนแจ้งว่ามีสุนัขคาบถุงพบมีเศษชิ้นเนื้อมนุษย์อยู่ ทางเจ้าหน้าที่อาสาสมัครจึงเข้าไปตรวจสอบพบว่าในถุงมือข้อมือและมีเศษชิ้นเนื้อติดอยู่มีรอยสัก มีลักษณะเน่าเปื่อย หลังจากนั้น 1 ชม. ตนและนักประดาน้ำได้หากันต่อระแวกใกล้เคียงถัดไป500 เมตร ตนเอะใจว่าอาจจะมีบ่อน้ำอยู่อีกบ่อ จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่า มีกระดูกแผ่นใหญ่วางอยู่ที่หญ้าตรงบ่อน้ำทางออก ตนจึงเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งพบถุงดำ 4 ถุง จึงหยิบขึ้นมาดูพบว่าข้างในมีชิ้นส่วนขาหน้าแข้งประมาณ 3 ชิ้น และ2ถุงถัดไปมีชิ้นส่วนมนุษย์เพิ่มแต่บอกไม่ได้ว่าเป็นส่วนไหน ส่วนอีกถุงเป็นผ้าขนหนูกับถุงมือสีขาว ซึ่งชิ้นเนื้อที่อยู่ในถุงพบว่าเป็นชิ้นส่วนที่ค่อยข้างละเอียดเพราะโดนสับมา ซึ่งรอยที่ถูกสับค่อนข้างชัดเจนมากว่าถูกสับจากของมีคม และขิ้นเนื้อบางส่วนก็มีรอยแค่ถูกฟันแต่ไม่ขาด ตอนนี้ที่ยังไม่เจอยังเหลือชื่นเนื้อส่วนที่ใหญ่ๆบริเวณลำตัว แขน ขา และศรีษะ จึงยังไม่ทราบว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

บุกตรวจค้นโกดังสถานที่ผลิตปุ๋ยเคมีเถื่อน ตรวจยึด อายัด มูลค่ากว่า 2 ล้านบาทวันที่ 19 เมษายน 2567กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.วิทยา  ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง รอง ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.ณัฐวัฒน์ เกศะรักษ์ รอง ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.ภาคภูมิ  ศรีลาภะมาศ รอง ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.อนุวัฒน์ รักษ์เจริญ รอง ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.ชัฏฐ นากแก้ว รอง ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.ปัญญา  กล้าประเสริฐ รอง ผบก.ปคบ.,พ.ต.อ.ชวินโรจน์ ภีมรัชตธำรงค์ผกก.2 บก.ปคบ.,พ.ต.ท.อุดมศักดิ์ สุวรรณแสง รอง ผกก.2 บก.ปคบ.,พ.ต.ท.ธีรภพ พันธุชาติ รอง ผกก.2 บก.ปคบ.เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคบ. นำโดยพ.ต.ท.จำรูญ คำมา สว.กก.2 บก.ปคบ.,ว่าที่ พ.ต.ต.กรเอก บริรักษ์กุล สว.กก.2 บก.ปคบ.พร้อม เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการที่ 2,3 ร่วมกับเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร กรมวิชาการเกษตรพฤติการณ์แห่งคดี  สืบเนื่องจากด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคบ.  สืบทราบว่า มีบัญชีผู้ใช้    ปุ๋ยราคาถูก  บนแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ค  มีการโพสต์ขายปุ๋ยเคมีผ่านสื่อออนไลน์ ในราคากระสอบละ 600 บาท ซึ่งมีราคาต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมโดยพบว่ามีการโพสต์ขายปุ๋ยเคมีผ่านสื่อออนไลน์ จริง โดยพบว่ามีการระบุข้อความโฆษณา#ปุ๋ยอินทรีย์เคมีราคาถูก พร้อมส่ง เขียวทนเขียวนาน ไม่ต้องมัดจำเก็บเงินปลายทาง#ถูกแล้วดีมีที่เรา 062-5186783 "เน้นโทร" ท่านใดที่กำลังมองหาปุ๋ยไว้ใส่พืชไร่พืชสวน ทางเรามีบริการครับ#ในราคาที่ถูกใจครับ ในยุคที่ปุ๋ยเคมี แพงกว่าผลผลิตของชาวสวนครับ อยากให้ท่านลองเปิดใจ #แล้วจะไม่พบกับคำว่าผิดหวังครับ ช่วยลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตพี่น้อง-เกษตรกรต้องไปต่อได้ครับ ใช้ได้ดี เช่นฯ ข้าว,ข้าวโพด,อ้อย,มันสำปะหลัง,ยางพารา เป็นต้น รับประกันความพึงพอใจ ใช้แล้วเห็นผล ดี 100% #เราใช้แม่ปุ๋ยในการผสมจึงได้ให้สายลับ (ขอปกปิดนาม) ติดต่อซื้อปุ๋ยเคมี สูตร 16-16-8 ขนาดบรรจุ 50 กก. จำนวน 40 กระสอบ ในราคากระสอบละ 600 บาท รวมเป็นเงิน 24,000 บาท จากเพจดังกล่าว ติดต่อซื้อผ่านเบอร์โทรศัพท์ 062-5186783 นัดส่งมอบสินค้าที่บริเวณลานจอดรถภายในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงบางจาก เลขที่ 66 ม.7 ต.ห้วยบง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรีจากการตรวจสอบพบว่าผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยเป็นปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ โดยนายนพพลฯ แจ้งว่ามี สถานที่ผลิตตั้งอยู่เลขที่ 203 ม.6 ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี โดยในครั้งนี้ตนได้ผลิตปุ๋ยดังกล่าวขึ้น จำนวน 100 กระสอบ (5 ตัน)โดยส่งให้กับลูกค้าในเขตตำบลนิคมสร้างตนเอง     อ.เมืองลพบุรี จำนวน 60 กระสอบ (3 ตัน) และนำมาส่งที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี จำนวน 40 กระสอบ (2 ตัน) ตนได้ขายในราคากระสอบละ 600 บาทต่อมาจึงได้เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตตั้งอยู่เลขที่ 203 ม.6 ต.พลับพลาไชย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พบวัตถุดิบ พร้อมอุปกรณ์การผลิต จำนวนหลายรายการ มูลค่าของกลางกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งจากการกระทำดังกล่าว เป็นความผิด ดังนี้1.ผลิตเพื่อการค้า ปุ๋ยที่ต้องขึ้นทะเบียน แต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ โดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 30 (5),71  (ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท)2.ผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่  มาตรา 12,57(ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)เจ้าพนักงานตำรวจชุดดังกล่าวจะได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อ พงส.กก.2 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่สอบสวนถึงตามกฎหมายต่อไป เตือนภัย ก่อนเลือกซื้อสินค้าที่เป็นวัตถุอันตรายทางการเกษตร ให้เกษตรกรตรวจเลือกซื้อสินค้าที่ผ่านการขึ้นทะเบียน จากกรมวิชาการเกษตร โดยให้ดูฉลาก ทะเบียนปุ๋ยเคมีที่แสดงไว้ที่ผลิตภัณฑ์ ฉลาก เอกสาร คำแนะนำ ในการใช้ที่ถูกต้อง หากเกษตรกรผู้บริโภค นำปุ๋ยที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน ที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสิเคราะห์จากกรมวิชาการเกษตร อาจทำให้สิ้นเปลือง เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

ตร.ไซเบอร์รวบบัญชีม้าตัวแม่ เชื่อมโยง 121 คดี ครึ่งปีพบเงินหมุนนับ 4 ล้านสืบเนื่องจากมีมิจฉาชีพใช้บัญชี Instagram ชื่อ "g rayhuman" โพสต์ประกาศรับสมัครงานพิเศษรายได้ดี โดยอ้างว่าให้เหยื่อดูวิดีโอในเว็บไซต์ YouTube เพื่อเป็นการเพิ่มยอดรับชมแล้วจะได้รับค่าตอบแทน จากนั้นจะให้เหยื่อแอดไลน์เพื่อติดต่อกับกลุ่มมิจฉาชีพ โดยมิจฉาชีพจะใช้ไลน์ดังกล่าวหลอกล่อเหยื่อให้โอนเงินเพื่อลงทุนในการทำภารกิจแต่ละครั้ง ในช่วงแรกที่เหยื่อลงทุนจำนวนน้อย จะได้ผลตอบแทนเป็นกำไรกลับมาจริง ต่อมาเมื่อเหยื่อเกิดความโลภก็มักลงทุนในระดับที่สูงขึ้นเพื่อหวังผลกำไรที่สูงขึ้นตามลำดับ สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินคืนได้ทั้งหมดตามที่กล่าวอ้าง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ รอง ผบก.สอท.3 นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนขยายผลและวิเคราะห์เส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้าย โดยนำไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในคดีดังกล่าวมีการเชื่อมโยงของกลุ่มบัญชีม้าเดียวกันกับคดีอื่นอีกถึง 121 คดี และมีความเกี่ยวพันกันในหลายพื้นที่ โดยแต่ละคดี ส่วนใหญ่มีพฤติการณ์หลอกลวงในลักษณะคล้ายคลึงกัน ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ โดย กก.3 บก.สอท.3 สามารถเข้าจับกุมตัว นางวรรณพร อายุ 28 ปี เจ้าของบัญชีที่เยื่อมโยงคดีอื่น 121 คดี จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าในรอบ 6 เดือน บัญชีของผู้ต้องหามีกระแสเงินผ่านเข้าออกบัญชีกว่า 600 ครั้ง รวมเป็นเงินเกือบ 4 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”ส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.3 ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป   ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมอยู่ระหว่างติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนี รวมทั้งอยู่ระหว่างขยายผลถึงตัวการที่สร้างแพลตฟอร์มปลอมสำหรับหลอกโอนเงินดังกล่าว และขอประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน หากพบการโฆษณาบนโซเชียลมีเดียในลักษณะที่เป็นการชักชวนโอนเงินเพื่อทำงานที่สบายแต่รายได้สูงเกินจริง ขอให้ตรวจสอบให้ดีก่อน มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ นอกจากจะไม่ได้เงินเพิ่มแล้ว ยังอาจต้องสูญเสียเงินที่มีในครอบครองออกไปทั้งหมด

แม่หลั่งน้ำตาพาลูกสาวร้องทนายดัง หลังถูกพ่อแท้ๆแอบติดตั้งกล้องในห้องน้ำขณะลูกสาวกำลังอาบน้ำเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 เมษายน 67 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถ.แจ้งวัฒนะต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางสาวมา อายุ 33 ปี พาลูกสาวคือน้องเกตุอายุ 17 ปี นักเรียนชั้นม. 5 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิ ขอให้ช่วยติดตามคดี หลังถูกนายสุรศักดิ์ อายุ 40 ปี อดีตสามี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆของน้องเกตุ แอบติดตั้งกล้องไว้ในห้องน้ำและห้องนอน หลังเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก้งสองนาง เพื่อให้ดำเนินคดีกับอดีตสามีในข้อหาอนาจารแม่ฝน เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนอยู่กินกับนายสุรศักดิ์มานาน 8 ปีจนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน คือน้องเกตุ หลังจากนั้นมาตนกับอดีตสามีได้แยกทางกัน โดยลูกสาวอยู่กับนายสุรศักดิ์ อดีตสามีตั้งแต่ยังเล็ก สามีมีอาชีพเป็นช่างติดตั้งกล้องวงจรปิด และถูกจับคดียาเสพติดหลายครั้ง แต่ก็ถูกปล่อยตัวมาเนื่องจากถูกจับข้อหาเสพแค่เพียงนำไปบำบัดรักษาแล้วก็ปล่อยตัวมาจนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 เมษายน 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แก้งสนามนาง เข้ามาตรวจค้นที่บ้านของนายสุรศักดิ์ เพื่อตรวจหายาเสพติด จึงไปพบว่าคอมพิวเตอร์ และกล้องวงจรปิดที่วางอยู่บนโต๊ะ มีภาพถ่ายอนาจารของน้องเกตุ ลูกสาวตนเอง และเป็นลูกแท้ๆของนายสุรศักดิ์ รวมทั้งหลานสาวนายสุรศักดิ์อีกคนนึงอายุ 27 ปี โดยเป็นภาพขณะที่ทั้งสองคนกำลังอาบน้ำในห้องน้ำ รวมทั้งยังมี chat ข้อความที่นายสุรศักดิ์คุยกับเพื่อน ถึงลูกสาวแบบเสียๆหายๆหยาบคายจน อ่านแทบไม่ได้ เมื่อสอบถามนายสุรศักดิ์ก็อ้างว่าแค่ติดตั้งไว้เพื่อ สังเกตพฤติกรรมของคนในบ้านเท่านั้นต่อมาเมื่อวันที่ 18 เมษายน 67 ตนจึงพาลูกสาวและหลานสาวของนายสุรศักดิ์ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ. แก้งสนามนาง เพื่อให้ดำเนินคดีกับอดีตสามีในข้อหาอนาจาร แต่ตำรวจกลับบอกว่า ไม่สามารถดำเนินคดีได้ในขั้นนั้น เนื่องจากยังไม่มีการถูกเนื้อต้องตัว อาจจะดำเนินคดีได้แค่เพียงก่อความเดือดร้อนเป็นเหตุให้ขุ่นข้องมองใจ ทำให้ทนายรณณรงค์ถึงกับอึ้งรีบต่อสายหาพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีคือ พ.ต.ท.ปพน ชัยศักดิ์ศรี ซึ่งก็ชี้แจงกลับมาในโทรศัพท์ว่า ในเบื้องต้นยังไม่มีการถูกเนื้อต้องตัวกัน จึงได้อธิบายไปกับคุณแม่อย่างนั้น แต่ตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้นิ่งนอนใจออกหมายเรียกในข้อหาอนาจารกับนายสุรศักดิ์ไปแล้วตามที่ผู้เสียหายต้องการ คุณแม่อาจจะสื่อสารและเข้าใจผิดที่ตนอธิบายไป ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วนโดยแจ้งข้อหาอนาจารตามที่ผู้เสียหายต้องการทางด้านทนายรณณรงค์ กล่าวว่า คดีนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ข้อหาอนาจาร ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาทตามมาตรา 278 แล้ว ทางมูลนิธิจะตรวจสอบดูว่าผู้เป็นพ่อแท้ๆรายนี้มีการส่งภาพลามกของลูกสาวขณะแอบถ่ายไว้ให้กับเพื่อนๆที่พบว่าพูดคุยกันในแชท จะมีข้อหาตามมาอีกหลายข้อหาที่รุนแรงกว่าอนาจาร ยืนยันว่าการเป็นพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์แอบถ่ายลูกสาว เพราะเป็นสรีระส่วนตัวของเขา การทำแบบนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญาหลายข้อหาจะต้องตรวจสอบและดำเนินการว่า พ่อแท้ๆรายนี้ทำผิด ข้อหาอะไรบ้าง เพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายตามที่ผู้เป็นแม่และลูกสาวต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด 

สส.ก้าวไกล ลงพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหาทางสาธารณะเลียบคลองผ่านหมู่บ้านดัง หลังชาวบ้านร้องเรียน     เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 19 เม.ย. 67 ที่หมู่บ้านดังแห่งหนึ่ง (ย่านเลียบคลองประปา) ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายสุรพันธ์ ไวยากรณ์ สส.พรรคก้าวไกล เขต 1 จ.นนทบุรี นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง สส.พรรคก้าวไกล เขต 7 จ.นนทบุรี ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือดร.แก้ว ประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยนายวัฒนชัย วิทยาประดิษฐ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมการก่อสร้าง สำนักการช่าง เทศบาลนครนนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบ หลังได้รับการร้องเรียนจากนายบัณฑิต ลายแก้ว อายุ 54 ปี อาชีพพนักงานบริษัทฯ ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง ว่าได้รับความเดือดร้อนเรื่องทางขึ้น-ลง ระหว่างทางเชื่อมเลียบคลองสาธารณะ ที่ต้องผ่านพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง โดยมีประธานหมู่บ้านเข้ามาร่วมเจรจาและหาทางออกร่วมกัน      นายวัฒนชัย วิทยาประดิษฐ์ หัวหน้าฝ่ายควบคุมการก่อสร้าง สำนักการช่าง เทศบาลนครนนทบุรี กล่าวว่า ตนได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบหลังชาวบ้านร้องเรียนให้ทางเทศบาลมาปรับปรุงซ่อมแซมสะพานให้ เนื่องจากชำรุดเสียหาย เบื้องต้นทางนายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ได้มอบหมายให้ตนลงมาตรวจสอบพื้นที่และทำเรื่องเบิกอุปกรณ์เพื่อปรับปรุงชั่วคราวก่อน ระหว่างรออนุมัติงบ คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ ก่อนจะซ่อมแบบถาวรอย่างดีในภายหลัง เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้สอยร่วมกัน โดยต้องทำให้เสร็จภายในปีนี้ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เดิมเป็นทางสาธารณะที่ชาวบ้านใช้สัญจรมาประมาณ 20 ปี แต่มีสะพานของหมู่บ้านหรูมาคร่อมอยู่ ซึ่งทางหมู่บ้านได้อนุญาตเปิดทาง ให้ชาวบ้านสามารถเข้า-ออกได้ แต่ปัญหาคือทางหมู่บ้านไม่มีงบประมาณในการทำสะพานขึ้น-ลง ทางสำนักการช่างของเทศบาลนครนนทบุรีก็จะดำเนินการให้ ซึ่งทางเทศบาลจะทำหนังสือพร้อมแบบมาขออนุญาตให้ทางหมู่บ้านรับทราบก่อนจะดำเนินการแก้ไขทางขึ้น-ลงให้สะดวกขึ้นกว่าเดิม      นายบัณฑิต ชาวบ้านที่ร้องเรียน กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ร้องเรียนไปเรื่องความเดือดร้อนของการใช้ทางสาธารณะ วันนี้ได้เชิญหลายๆฝ่ายมาร่วมพูดคุยหาข้อสรุปกัน โดยมีประธานหมู่บ้าน ชาวบ้าน สส.ในพื้นที่ และหน่วยงานเทศบาลที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาการสัญจรที่ไม่สะดวก โดยทางสำนักการช่าง ของเทศบาลนครนนทบุรีจะทำเรื่องตั้งงบเบิก เพื่อทำสะพานผ่านทั้ง 2 ด้านให้ถูกต้อง สะดวกต่อผู้สูงอายุ และชาวบ้านที่สัญจรในพื้นที่ สะพานตรงนี้ไม่มีราวสะพาน หากมีใครตกหล่นเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิตจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จากที่ได้พูดคุยกันในวันนี้คิดว่ามีทางออกที่ดี เพราะทุกฝ่ายได้มาร่วมพูดคุยและเจรจากันทั้งหมด ที่เหลือก็จะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนตามกระบวนการปรับปรุงซ่อมแซมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป      นายสุรพันธ์ ไวยากรณ์ สส.พรรคก้าวไกล เขต 1 จ.นนทบุรี กล่าวว่า ตนในฐานะตัวแทนประชาชนในพื้นที่ อยากพูดถึงภาพรวมของการอยู่ร่วมกันของชุมชนดั้งเดิมและชุมชนหมู่บ้าน อยากให้ถ้อยทีถ้อยอาศัย การอำนวยความสะดวกซึ่งกันและกันเป็นเรื่องที่ดี ตนได้มาลงพื้นที่หน้างานและดูแล้วเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะพื้นที่ที่หมู่บ้านเปิดให้สามารถสัญจรได้ทั้ง 2 ฝั่ง แต่ความปลอดภัยในการใช้งานทั้งตัวบันไดขึ้น-ลง ดูแล้วไม่ปลอดภัย สำหรับผู้สูงอายุตามที่ได้รับร้องเรียนมา ตนจึงทำเรื่องประสานเทศบาลและประธานหมู่บ้าน ซึ่งจะต้องมาหาทางออกร่วมกัน ทางเทศบาลได้รับเป็นเจ้าภาพในการดูแลปรับปรุงซ่อมแซมทางขึ้น-ลงใหม่ เพื่อให้แข็งแรง ใช้งานได้ และปลอดภัยกับทุกคนให้อย่างเร็วที่สุด ตนในฐานะสส. ในเขตพื้นที่ จะคอยเป็นตัวกลางประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความร่วมมือซึ่งกันและกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หมู่บ้านหรู และชาวบ้านชุมชนดั้งเดิมในพื้นที่

เจ้าของอู่ซ่อมรถร้องขอให้ลูกค้ามาจ่ายค่าซ่อมรถรับรถไปใช้แล้วไม่ยอมจ่ายเงินซ้ำเงินก้อนนี้ต้องจ่ายค่าเทอมลูกชายเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567 นายจิรโรจน์  ศิริอริษราวรกุล อายุ 53 ปี ร้องผ่านสื่อหลังลูกค้านำรถกระบะวีโก้มาซ่อมแล้วไม่จ่ายค่าซ่อมรวมเป็นเงิน 9,670 บาท ผู้สื่อข่วลงพื้นที่ อู่ซ่อมรถช่างใหญ่ ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พบนายจิรโรจน์  ศิริอริษราวรกุล อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ เล่าว่า เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา นายหนึ่ง ซึ่งเคยรู้จักกันมาก่อนได้นำรถกระบะวีโก้มาซ่อมด้วยความที่รู้จักกันดีตนรีบรัดคิวซ่อมให้เกรงว่านายหนึ่งจะไม่มีรถใช้พอตกเย็นของวันที่ 14 ตนซ่อมรถเสร็จรีบโทรเรียกนายหนึ่งมารับรถพร้อมส่งบินแจ้งค่าใช้จ่ายรวมค่าแรงเป็นจำนวนเงิน 9,670 บาท ซึ่งนายหนึ่งได้บอกกับตนว่าเดี๋ยวจะโอนเงินให้ตนก็รอก็ไม่เห๋นโอนมาให้ซักที่ตนก็ได่โทรหานายหนึ่งตล ดซึ่ตนก็บอกไปว่าถ้ายังไม่มีเงินก็ผ่อนมาก็ได้แต่นายหนึ่งก็ยังเงียบโทรทีแรกก็รับสายผัดไปเลื่อยว่สจะโอนให้วันนั่นวันนี้ก็ไม่โอนโทรไปพักหลังนายหนึ่งไม่เคยรับสายเลยเวลาผ่านมาเดือนกว่าแล้วแต่ก็ยังเงียบอยู่ซึ่งตน็อยากฝากถึงนายหนึ่งว่าให้เอาเงินมาจ่ายค่าซ่อมรถให้ตนบ้างเพราะตนก็มีค่าใช้จ่ายซึ่งตนก็เข้าใจว่าทุกวันนี้เศษฐกิจย่ำแย่เงินทองหายากข้าวของแพงทุกอย่าง

สาวชาวเมียนมาร์แทงสามีเสียชีวิต ทำแผนสารภาพไม่ได้เจตนาจากกรณีเมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 เวลาประมาณ 01.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปลายบางได้รับแจ้งเหตุ นายเมาเมา อายุ อายุ 35 ปี ชาวเมียนมาร์ ถูกแทงเสียชีวิตคาห้องพักตึกเอื้ออาทร ภายในซอยวัดพระเงิน ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พบบาดแผลถูกแทงที่ใต้ราวนมด้านซ้าย ประมาณ 3 เซนติเมตร ภายในถังขยะพบสำลีทำแผลจำนวนหนึ่งมีคราบเลือดติดอยู่ จากการสอบสวนทราบว่าผู้เสียชีวิตอาศัยอยู่กับภรรยา ทราบชื่อ นางสาว อา ฮา นเว อายุ 33 ปี ชาวเมียนมาร์ และมีเพื่อนร่วมงานอาศัยอยู่บริเวณชั้นเดียวกัน หลังจากเกิดเหตุยังไม่พบตัวภรรยาของผู้เสียชีวิต และไม่มีใครเห็นเหตุการณ์หรือได้ยินเสียงทะเลาะวิวาท เนื่องจากเป็นตึกเอื้ออาทรที่กำลังสร้างใหม่มีคนอาศัยอยู่ไม่มาก ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตความคืบหน้าล่าสุดวันนี้(19 เม.ย.67) เวลา 11.30 น. พ.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พ.ต.อ. สมพล วงศ์ศรีสุนทร รองผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ. ปิยะวัฒน์ พัชรนิตยธรรมผกก.สภ.ปลายบางพ.ต.อ.คมกฤษณ์ คำบุศย์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.ท.ศุภชัย ศรีศักดิ์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ได้ร่วมกันจับกุมตัวนางสาว อา ฮา นเว อายุ 33 ปี สัญชาติเมียนมา (ภรรยาผู้เสียชีวิต) ตามหมายจับของศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.365/2567 ลงวันที่ 18 เม.ย.2567 ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมด้วยของกลาง คือ 1.มีดทำครัว ความยาวประมาณ 12 นิ้ว จำนวน 1 ด้าม 2.เสื้อสีดำ และกางเกงขาสั้นสีชมพูที่ใส่ในวันก่อเหตุ โดยตำรวจจับกุมตัวได้ที่ จังหวัดสมุทรสาคร หลังไปกบดาลเพื่อจะเดินทางหนีออกนอกประเทศส่วนทางด้านMISS HLA HLA NWE อายุ33ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตชาวเมียนมา กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุทะเลาะกันทางผัวตนเอามีดมาขู่ แย่งมีดกันทำให้มีดหลุดมือตน ทางปลายมีดหันไปทางผัวทิ่มหน้าอก หลังจากนั้นผัวของตนได้เดินไปสลบบริเวณชั้นสี่ ตนเลยบอกให้พี่สะใภ้ช่วยกันลากผัวของตนเข้ามาที่ห้องชั้น3แล้วช่วยกันปฐมพยาบาล ไม่คิดว่าผัวจะเสียชีวิต ตกใจเลยรีบหนี ส่วนสาเหตุที่ทะเลาะกันเนื่องจากผัวชอบกินเหล้าแล้วมาขอเงินตน ไม่ได้ตั้งใจและไม่คิดว่าผัวจะตายพ.ต.ท.จิรสันต์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณที่เกิดเหตุ ห้องพักชั้น 3 ตึกเอื้ออาทร ภายในซอยวัดพระเงิน ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เป็นเรื่องสามีภรรยาทะเลาะกันในครอบครัวทั้งสองคนทะเลาะกันเป็นประจำทางสามีต้องการขอเงินภรรยาไปดื่มสุรา ส่วนภรรยามีโรคประจำตัวต้องใช้เงินรักษาตัวเองจึงไม่พอใจทางสามี ได้นำมีดยาวประมาณ12 นิ้วมาข่มขู่ภรรยามีการยื้อแย่งมีดกันทำให้มีดแทงไปที่ใต้ราวนมซ้ายเป็นจุดสำคัญใกล้หัวใจ ทำให้สามีเสียชีวิต ทางภรรยาเล่าว่าในขณะยื้อแย่งมีดทางปลายมีดหันมาหาสามี พอสามีใช้แรงดึงมีดหลุดจากมือภรรยาจึงได้ทิ่มเข้าที่หน้าอกทำให้เสียชีวิต หลังเกิดเหตุทางภรรยา หนีไปกบดานที่จังหวัดสมุทรสาครเพื่อหาช่องทางเดินทางกลับประเทศทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบเลยจับกุมตัวได้ก่อน จากการตรวจสอบทราบว่าผู้เสียชีวิตเสียชีวิตไปประมาณ 20.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามได้อย่างรวดเร็วจับกุมตัวได้เมื่อวานเวลา 18.00 น .ใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง เบื้องต้นดำเนินคดี ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา อยากฝากถึงนายจ้าง การเข้าเมืองต้องถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนของแรงงานต่างด้าว พอเสร็จงานจะมีการดื่มสุราและมั่วสุมกันฝากถึงนายจ้างให้ช่วยกันกำกับดูแลหากเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันเหตุ

พบศพชายลอยน้ำเจ้าพระยาใต้สะพานเจษฎาบดินทร์ เมื่อเวลา 08.00น.วันที่ 19 เมษายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองนนทบุรี ได้รับแจ้งพบ ศพชายลอยน้ำเจ้าพระยา บริเวณใต้สะพานเจษฎาบดินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรีบตรวจ   ที่เกิดเหตุบริเวณใต้สะพานเจษฎาบดินทร์พบศพชายนอนหงายสภาพศพขึ้นอืดสวมเสื้อยีนส์แขนยาว ใส่กางเกงขาสั้นทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายทวีศักดิ์ ธนมิตร์ อายุ 56 ปี ที่อยู่ 46 ซอย สมเด็จพระเจ้าตากสิน 33 แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพฯ จากการตรวจสอบไม่พบบาดแผลพบเงินสดในกระเป๋ากางเกงและในกระเป๋าเสื้อกว่า 10,000 บาท คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างประสานญาติผู้เสียชีวิต

ยับยั้งแผนร้าย รวบแหม่มเมืองน้ำหอม หัวหน้าแก๊งปองร้ายครอบครัวดัง               “สู่ระดับสากล” สืบนครบาลยับยั้งแผนปล้นของขบวนการฝรั่งเถื่อน โดยสามารถรวบตัวแหม่มเมืองน้ำหอม ผู้เป็นหัวหน้าขบวนการได้ หลังกลุ่มรวมตัวกันวางแผนที่จะปองร้ายครอบครัวของผู้เสียหาย โดยตั้งเป้าจะเพื่อปล้นเอาทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท แต่แผนร้ายที่เกือบจะสำเร็จต้องล้มไม่เป็นท่า แต่เรื่องได้แดงขึ้นจนถูก พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. รวบตัวได้ในที่สุด              ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร.  พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนในประเทศไทย               เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์   วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์  จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้วสว.ฝอ.บก .สส.บช.น. ,    ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ ,  ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว ฝอ บก.สส.บช.น.  , ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ   อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์  รอง สว.ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม              น.ส.แซนดร้า คริสตินา มารี ดิเออร์สไตน์ (Miss Sandra Christina Marie Diersten) อายุ 45 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 364/2567 ลงวันที่ 5 เมษายน 2567              ข้อหา “ทำการเป็นอั้งยี่”             จับกุมตัวได้ที่ โรงแรมชื่อดัง สีลมซอย3 แขวงสีลม เขตบางรัก จ.กรุงเทพ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 67 เวลาประมาณ 22.00 น.             พฤติการณ์กล่าวคือ สู่ระดับสากล สืบนครบาลยับยั้งแผนปล้น รวบตัว น.ส.แซนดร้า คริสตินา มารี อายุ 45 ปี สัญชาติฝรั่งเศส…

รวบ 2 สามี ภรรยาบัญชีม้ารับ โอนเงินเหยื่อกว่า 10 ล้านบาทกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบกป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป.,พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย, พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ และ พ.ต.ท.ณัติรุจน์ วัฒนะฉัตรรัตน์รอง ผกก.5 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สว.กก.5บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุม1. นายเอกฯ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ  ศาลอาญาธนบุรี ที่ 152/2567 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”2. นางสาวจิรนันท์ฯ อายุ 38 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลอาญาธนบุรี ที่  150/2567 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”สถานที่จับกุม   ริมถนนใน  ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต  พฤติการณ์  ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กซึ่งสร้างโปรไฟล์น่าเชื่อถือ และชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุนโดยอ้างว่าเป็นการลงทุนเพื่อกำไรจากการซื้อขายเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ ผ่านเว็บไซต์ชื่อ Goldcoin ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงเริ่มโอนเงินเริ่มลงทุนครั้งแรกเป็นเงิน 10,000 บาท โดยคนร้ายได้สร้างบัญชีปลอมผ่านหน้าเว็บไซต์ดังกล่าวให้ผู้เสียหายสามารถตรวจสอบผลการลงทุนของตนเองได้ โดยวันแรกผู้เสียหายได้กำไรและสามารถสั่งถอนเงินบางส่วนออกมาได้ จึงหลงเชื่อลงทุนเพิ่มรวมกว่า 10 ล้านบาท โดยการโอนเงินเข้าบัญชีของสองสามีภรรยาคู่นี้  ต่อมาเมื่อต้องการถอนเงินออกจากระบบกลับไม่สามารถทำรายการได้ เมื่อทวงถามคนร้ายกลับบ่ายเบี่ยงและหลอกให้โอนเงินเพิ่ม ผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายในคดีนี้ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้ต้องหา 2 รายนี้ พร้อมพวกรวม 9 รายต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนทราบว่า นายเอกฯ และนางสาวจิรนันท์ฯ ได้หลบหนีการจับกุมมาอาศัยอยู่พื้นที่ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต จึงวางแผนเข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายไว้ได้ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน. โคกครามดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปนอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า นายเอกฯ มีหมายจับของ ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.87/2567 ลงวันที่    24 มกราคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น      โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” ขณะที่          นางสาวจิรนันท์ฯ มีหมายจับของ  ศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.467/2566 ลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2566ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์           อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” โดยหลังจากนี้จะประสานอายัดตัวต่อไป      สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าประมาณปลายปี พ.ศ. 2566 ทั้งคู่เคยได้รับจ้างเปิดบัญชีให้กับผู้หญิงไม่ทราบชื่อ พร้อมทั้งสมัครแอปพลิเคชันของธนาคารในโทรศัพท์ที่ผู้หญิงคนดังกล่าวเตรียมมาให้ โดยได้รับค่าจ้างบัญชีละ 1,000 บาท โดยไม่ทราบว่าบุคคลดังกล่าวได้นำบัญชีไปใช้ในเรื่องใด

สืบสวนท่องเที่ยว จับ บัญชีม้าแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกกดลิงค์คืนเงินประกันค่าไฟ เสียหายเกือบสองแสนบาท #บัญชีม้า #แก๊งคอลเซนเตอร์ #ประกันค่าไฟ #หลอกลวง #ข่าว . อ่านข่าวในคอมเม้นต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/740293398317036 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

รวบสาว 19 เครือข่ายหลอกทำกิจกรรม มีโบนัส ค่าคอมฯ สุดท้ายเสียเกือบแสน #หลอกลวง #ทำงานออนไลน์ #ตำรวจ #raiderreporter #ข่าว . อ่านข่าวในคอมเม้นต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/740293728317003 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

CHANGE LANGUAGE
Powered by
คนข่าวออนไลน์ khonkhao.com
ตีแผ่ ทุกเรื่องราว เจาะลึกทุกความจริง ช่วยเหลือทุกพื้นที ด้วยทีมข่าวมืออาชีพ
บริการของเรา
รูปภาพของเรา
ที่ตั้งของเรา
บัญชีชำระเงิน

คนข่าวออนไลน์ khonkhao.com

ตีแผ่ ทุกเรื่องราว เจาะลึกทุกความจริง ช่วยเหลือทุกพื้นที ด้วยทีมข่าวมืออาชีพ

แชร์หน้านี้
โหลดหน้าใหม่
คัดลอกลิงก์