บทความทั้งหมด

1,195 รายการ

สะพัด "บิ๊กต่าย" สั่งเด้ง "ผู้การนนท์" คาดเซ่นปม "โคตรบ่อนพระปิ่น 3" ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/724173879928988 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

“ทนายอั๋น บุรีรัมย์” ร้องเอาผิด ม.157 กกต. ปมยุบพรรคก้าวไกล วันนี้ (21 มี.ค 67) เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ พร้อมด้วยกองเชียร์พรรคก้าวไกล ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ เอาผิด กับ กกต. ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 กรณีไม่ดูแลควบคุม และ/หรือ ติดตามนโยบายของพรรคก้าวไกล จนนำสู่การมีวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับกฏหมายประมวลอาญา มาตรา 112 ทนายอั้น กล่าวว่า ตนและมวลชนมารวมตัวกันวันนี้ เพื่อที่จะประกาศให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินการภายใต้องค์กรของตัวเองทำอะไรตามใจตัวเอง ไม่เห็นหัวของประชาชน ตนจะสู้ภายใต้กฎหมายรัฐนูญที่ถึงแม้จะเสียเปรียบแต่ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด  จึงได้มาแจ้งความเอาผิด กับ กกต. นำโดย นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากกรณี การยื่นเรื่องยุบก้าวไกล ประเด็นการหาเสียง มาตรา 112 ในการเลือกตั้ง  14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ตนเห็นว่า กกต. มีหน้าที่ในการดูแลควบคุม นโยบายและกิจการของนักการเมืองให้ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายอื่นๆ มีบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 224 (5) (6) และกกต. มีหน้าที่ในการตรวจสอบและติดตาม ข้อบังคับของ พรรคการเมืองและนโยบาย ก่อนการหาเสียง ว่าพรรคการเมืองใดมีนโยบายที่ละเมิดหรือผิดต่อกฎหมาย และรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งทางพรรคก้าวไกลส่งนโยบายก่อนการหาเสียงให้ทางกกต. ได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว แต่ทางกกต. กับเพิกเฉยและละเลยในการปฎิบัติ ดูแลควบคุม นโยบายของพรรคการเมือง ซึ่งถ้าในการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในนโยบายมาตรา 112 ผิดกฎหมาย กกต. ก็ควรตรวจสอบตั้งแต่แรก และชี้แจงไปทางพรรคว่านโยบายมาตรา 112 ผิดต่อการหาเสียง แต่พอหลังเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยกลับค่อยมาบอกว่านโยบายมาตรา 112 ผิดซึ่งก็ทำให้เห็นว่า ทางกกต. ปล่อยประละเลยต่อหน้าที่ในการตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมือง จึงทำให้ตนได้มาแจ้งความเอาผิดกับกตต. ว่าผิดกฎหมายมาตรา 157 หรือไม่  และประเด็นในเรื่องของการที่ตนได้ไปร้องยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย  วันที่ 15 มี.ค ที่ผ่านมา โดยทาง กกต. เผยว่า การยุบพรรคภูมิใจไทยอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาและอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานยังไม่มีการวินิจฉัยว่าจะพรรคภูมิใจไทย แต่ตัดมาที่พรรคก้าวไกล กลับอยู่ในขั้นตอนขั้นที่ 7 ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อย ซึ่งตนได้มายื่น เรื่องยุบพรรคภูมิใจไทยก่อนที่นายเรืองไกร จะมายืนเรื่องยุบพรรคก้าวไกล ห่างกันประมาณ ครึ่งเดือน จึงทำให้เห็นพฤติการณ์ของกกต. ว่าไม่มีความเป็นธรรม และเลือกปฏิบัติ จึงทำให้ตนต้องมา แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ กกต. ในวันนี้ ตามมาตรา 157   เบื้องต้น นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์  ได้เข้าไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อที่จะยื่นเรื่อง แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ กกต. ต่อไป

เจ้าอาวาสวัดสุทธิฯ มีจิตเมตตา อโหสิให้อดีตไวยาวัจกรโพสต์ด่าไม่คิดจากกรณีที่ทนายกองทัพธรรม ยื่นฟ้องอดีตไวยาวัจกร วัดสุทธิวราราม หมิ่นประมาทเจ้าอาวาสวัดสุทธิฯ ถึง 37 ครั้ง เจ้าตัวสำนึกผิด รับสารภาพก่อนที่ศาลจะตัดสิน พร้อมทั้งนำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมาเจ้าอาวาสวัดสุทธิฯนายชาญณรงค์ เพียรดี อดีตไวยาวัจกรวัดสุทธิวราราม ได้นำพานดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา พระสุธีรัตนบัณฑิต(สุทิตย์ อาภากโร) เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ท่ามกลางทีมทนายกองทัพธรรม นำทีมโดยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ,ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิฯ ,ดร.ประกาย ณ สงขลา เลขาธิการมูลนิธิฯ ,นายเมธัส ผลประเสริฐ ทนายมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และสื่อมวลชนที่มาเป็นสักขีพยานในวันนี้ (22 มี.ค.67) หลังจากที่นายชาญณรงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก "ร่วมกันปกป้องเงินวัดอย่าให้พวกกาฝากในผ้าเหลืองมาผาน" โดยมีรูปหน้าเพจว่า "สุมหัวโกงวัด" ได้ถูกทนายกองทัพธรรม นำทีมโดยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ซึ่งได้มอบอำนาจจากพระสุธีรัตนบัณฑิต ให้ยื่นฟ้องในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2565 สืบเนื่องจากอดีตไวยาวัจกรรายนี้ ได้สร้างเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวขึ้นมา และเขียนบทความต่างๆ อีกทั้งใช้ภาพประกอบกล่าวหาใส่ร้ายพระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 จนถึงปี 2565 กว่า 37 ครั้ง ผ่านสื่อออนไลน์และสื่อมวลชนต่าง ๆ ทำให้พระสุธีรัตนบัณฑิต และคณะสงฆ์ได้รับความเสียหาย ต่อมาศาลได้นัดสืบพยานหลักฐาน โดยอดีตไวยาวัจกรคนนี้ ได้เบิกความยอมรับสารภาพว่า กระทำความผิดตามที่ฟ้องจริง ศาลจึงได้นัดฟังคำพิพากษาในเวลา 09.00 น. วันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด จำคุกกระทงละ 2 เดือน ปรับ 3,000 บาท รวม 37 กระทง เป็นจำคุก 74 เดือน ปรับ 111,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงลดโทษกระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 1 เดือน ปรับ 1,500 บาท เป็นจำคุก 37 เดือน ปรับ 55,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ภายหลังจากเกิดเหตุจำเลยสำนึกในการกระทำของตนเอง โดยให้การรับสารภาพ และลบบัญชีเฟซบุ๊กของจำเลยที่กล่าวถึงโจทก์ และวัดสุทธิวราราม โดยจำเลยตกลงที่จะปฏิบัติตามข้อตกลง โดยกล่าวขอโทษโจทก์ผ่านสื่อมวลชน อันเป็นการพยายามบรรเทาผลอันเกิดจากการกระทำในคดีนี้ การลงโทษจำคุกระยะสั้นไม่ก่อผลดีต่อจำเลย และสังคม โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญา 2 ปี ส่วนค่าปรับ จำเลยไม่สามารถชำระได้ จึงให้บำเพ็ญประโยชน์แทนค่าปรับ และให้ขอขมาโจทก์ตามที่ตกลงกันไว้ในเมื่อนายชาญณรงค์ ได้รับสารภาพว่า เรื่องที่กล่าวหาทั้งหมดไม่มีมูลความจริง เป็นการให้ร้าย หรือร้องเรียนอันเป็นเท็จ ได้สำนึกผิดในสิ่งที่ตนเองได้กระทำไป และได้ไปยื่นถอนเรื่องร้องเรียนยังหน่วยงานต่างๆ ที่ได้ไปยื่นร้องเรียนไว้เรียบร้อยแล้ว และกล่าวขอขมาลาโทษต่อพระสุธีรัตนบัณฑิต ซึ่งท่านก็ให้อภัยเป็นธรรมทาน คือ การสละอารมณ์โกรธเป็นทาน ให้อภัย ไม่จองเวร สละอารมณ์โกรธพยาบาทให้ขาดออกจากใจ เป็นการเจริญเมตตาพรหมวิหาร ซึ่งถือเป็นทานสูงสุด ตามพุทธพจน์ที่ว่า เวรของผู้ไม่จองเวร ย่อมระงับได้ และเวรย่อมระงับด้วยไม่มีเวรต่อกันและกัน จึงขออนุโมทนาบุญ กับพระสุธีรัตนบัณฑิต มา ณ โอกาสนี้

ระทึก! กลางดึกไฟไหม้วอดทั้งโรงงานเฟอร์นิเจอร์ วันที่ 22 มีนาคม 2567 เวลา 00:30 น. อาสาดับเพลิงฯและกู้ภัย ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไม่ในพื้นที่ของ สน.อุดมสุข เป็นเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์โครงสร้างบูธงานอีเว้นท์ และ เวทีคอนเสิร์ต ภายในซอย เฉลิมพระเกียรติ 28 แยก 5 ชุมชนมหาดไทย2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 4 ล้านบาท  เบื้องต้นลักษณะเป็นโรงงานเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตเรียบร้อยรอส่งมอบ จาการสอบถามผู้ว่าจ้าง นาย สุภาภรณ์ พรหมจรรย์ อายุ 44ปี เจ้าของ เล่าว่าช่วงเที่ยงคืนลูกน้องที่พักอาศัยอยู่ภายในโรงงานได้ยินเสียงหม้อแปลงระเบิดไฟดับทั้งโรงงาน เมื่อลุกออกมาดูก็เห็นเปลวไฟลุกไม่สามารถควบคุมได้จึงรีบแจ้ง ก่อนทางเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะระดมกำลังหลายหน่วยเข้าร่วมระงับเหตุ  ภายในโรงงานมีเนื้อที่ประมาณ 3 งาน โครงหลังคาด้านในพังร่วงลงมา งานเฟอร์นิเจอร์เสียหายไหม้หมดในกองเพลิง ทางเจ้าของแจ้งว่าจะไปดูกล้องวงจรปิดหาสาเหตุ แต่โรงงานประกันเพิ่งขาดไป เสียใจและไม่รู้ว่าจะฟื้นตัวได้อีกไหม เพราะเพิ่งฟื้นตัวขึ้นมาได้ไม่นานหลังโควิดที่ผ่านมา ส่วนสาเหตุดังกล่าวยังไม่ทราบที่ชัด จนท.ร้อยเวรสน.อุดมสุขรับเรื่องแล้ว อยู่ระหว่างการตรวจสอบและหาสาเหตุต่อไป

โครงการพัฒนาหน้ากากป้องกันแก๊สพิษกองทัพ #ปปช. #กมธ.ทหาร #กระทรวงอุดมศึกษา #ขอให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริง #งบประมาณแผ่นดิน #เงินหลวง #เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติประชาชน ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/724172223262487 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

กราบขอบพระคุณสภาทนายความและท่านนายก. #สภาทนายความ #ท่านนายกสภาทนายความ #เพื่อประเทศชาติประชาชน ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/724172336595809 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

ถนนพระราม 2 สาขาภาคเหนือ? สาวขับรถเจอก่อสร้าง แท่งปูนห้อยต่องแต่งเหนือหัว กลางถนน ทำถึงผวา อ่านข่าวในคอมเมนต์ ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/723941956618847 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

DSI ตรวจค้น 5 เป้าหมาย เครือข่ายส่งออกน้ำมันโกฟุก หลังทางการพม่ายืนยันไม่มีบริษัทฯ  ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสืบสวน ขยายผลจากคดีพิเศษที่ 10/2567 กรณีเครือข่าย "โกฟุก" นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์หลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อรางวัลเลขท้ายของรางวัลที่ 1 และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว โดยอ้างอิงผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งนำผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ มาประกอบในการเชิญชวนให้มีการเล่นการพนันภายใต้หลายเว็บไซต์ เช่น ร่ำรวย  ร้อยล้าน นพเก้า นาคราช ชอบหวย ล้อตโต้เอ็มเอ็ม ดีเอ็นเอ เยเย่ และอื่นๆ เบื้องต้นพบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1,000 ล้านบาท พบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกรณีที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎรได้ส่งเรื่องขอให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกรณี          กลุ่มผู้บริหารและผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมีพฤติการณ์เป็นขบวนการลักลอบจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในทั้งในและต่างประเทศ และเป็นผู้ซื้อน้ำมันเพื่อการส่งออกแต่ไม่มีการส่งออกอย่างแท้จริงโดยนำกลับมาจำหน่ายในประเทศ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นมีการฟอกเงินรายได้จากบ่อนคาสิโนแนวชายแดน หวยใต้ดินและสินค้าหนีภาษี อันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ 2560 ประมวลกฎหมายรัษฎากร และกฎหมายฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษที่ 116/2563 ที่สอบสวนอยู่ ซึ่งจากการสอบสวนขยายผล พบพฤติการณ์ต้องสงสัยว่า บริษัท Chindwin สัญชาติเมียนมา ที่แต่งตั้งนายสง่า หรือโกฟุก เป็นตัวแทนดำเนินการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทยเพื่อส่งออกไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาโดยได้รับการยกเว้นทางภาษีมีตัวตนหรือไม่ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงดำเนินการขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) ตรวจสอบสถานะของบริษัท ชินด์วิน จำกัด (Chindwin Company Limited) ผลการตรวจสอบพบว่าไม่มีการจดทะเบียนในนามบริษัท Chinwind จำกัด ในสารบบนิติบุคคลของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อีกทั้ง บริษัท Chinwind ไม่ได้เปิดดำเนินการหรือมีสถานประกอบการตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารใบสั่งสินค้า (Purchase Order) บัญชีราคาสินค้า (Invoice) และเอกสารใบรับสินค้า (RECEIVING OF MERCHANDISE) ที่นำมาแสดงต่อบริษัทผู้ขายน้ำมัน จึงมีเหตุจำเป็นต้องตรวจสอบต้นทางคือนิติบุคคลและสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งออกน้ำมันไปยังต่างประเทศ คณะพนักงานสอบสวนจึงมีมติร่วมกับพนักงานอัยการที่ร่วมสอบสวน ยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเข้าตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จังหวัดชุมพร และจังหวัดระนอง รวม 5 จุด ในวันนี้ ประกอบด้วย           จุดที่ 1 บริษัท ทีพีทีเอ็ม โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท น้ำโขง โลจิสติกส์ จำกัด  อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี        ​   จุดที่ 2 บริษัท ศิธา โลจิสติกส์ จำกัด อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี         ​   จุดที่ 3 บริษัท โชคชัยพัฒนาออยล์ จำกัด อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี            จุดที่ 4 บริษัท จิดาภา ทรานสปอร์ต จำกัด และ บริษัท สกลพัฒน์ ทรานสปอร์ต จำกัด  อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร            จุดที่ 5 ท่าเรือสินพารา (ท่าเรือโกกวด) หรือ ห้างหุ้นจำกัด สินพาราค้าไม้ อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง            โดย พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ/โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ลงพื้นที่ติดตามการปฏิบัติงานของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่บูรณาการ การทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่ทำการตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ส่วนในการปฏิบัติการตรวจค้นในพื้นที่จังหวัดระนองและชุมพร นำโดย ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอังศุเกติ์  วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม และ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่บูรณาการการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์…

สาวร้องสายไหมสายไหมต้องรอด ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฉกบัตรเครดิตของชาวจีนตอนหลับไปใช้รูดซื้อทองโดยหญิงสาวคนนี้กล่าวว่าเป็นหนังคนละม้วน เธออ้างว่า คนจีนเป็นคนออกอุบายให้เธอไปรูดเงินสดที่ร้านทองร้านนี้เอง พอได้เงินเธอก็เดินนำเงินมาให้คนจีนทุกบาททุกสตางค์ จากนั้นคนจีนก็พยายามจะข่มขืนเธอ แต่เธอไม่ยอม เธอจึงได้มาขอความช่วยเหลือจากวินจักรยานยนต์ วินจึงพาเทอมาส่งขึ้นรถแท๊กซี่กลับบ้าน  หญิงสาวคนนี้เล่าว่า เธอรู้จักชาวจีนคนนี้จากแอพหาคู่แอพหนึ่งตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ชื่อว่าอาฉี อายุ 33 ปี ก่อนที่จะมาคุยกันต่อในวีแชท ลักษณะคุยเป็นเพื่อน ไม่ใช่เชิงชู้สาว โดยเขาอ้างว่า ประกอบธุรกิจเปิดร้านปิ้งย่างที่พัทยา พูดไทยได้นิดหน่อย ส่วนใหญ่สื่อสารผ่านแอพแปลภาษามากกว่า จนถึงวันที่ 13 มีนาคม อาฉีได้แชทมาบอกตอนเที่ยงคืนว่า เขาเข้ามาส่งเพื่อนที่เป็นเชฟร้านของอาฉีขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองกลับจีน ระหว่างนั้นตนจึงบอกว่าจะจองโรงแรมให้พัก แต่เขาปฏิเสธและบอกว่าแค่มาส่งแล้วกลับ ก่อนจะชักชวนให้เจอกันแถววิภาวดี 33 ตนก็ไปเลยไปหาตอนตีสี่กว่า ก่อนที่จะขึ้นรถไปส่งเพื่อนด้วยกัน จากนั้นอาฉีก็ชักชวนตนให้ไปดูร้านปิ้งย่างของเขาและเที่ยวพัทยา ตนก็เลยไปด้วย เพราะคิดแค่ว่าเขาชวนไปดูร้าน ไม่น่าจะมีอะไร โดยออกจาก กทม. ตอนหกโมงเช้า จากนั้นจึงมาถึงพัทยาตอน 10 โมงเช้า ซึ่งระหว่างทางก็พูดคุยกันตามปกติ ไม่ได้มีท่าทีอันตรายใด ๆ เมื่อมาถึงก็พาไปร้านปิ้งย่างซึ่งอยู่แถวพัทยาใต้ เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น แต่ร้านปิดเพราะพ่อครัวเพิ่งกลับจีนไป ก่อนที่อาฉีจะพาตนขึ้นห้องพักแล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย ประมาณ 11 โมงเช้า อาฉีบอกกับตนว่าไม่มีเงินไทยติดตัว จึงขอให้ตนเอาบัตรเครดิตไปรูดรับเงินสดที่ร้านทอง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากร้านปิ้งย่าง พร้อมกำชับว่าให้รูดมา 30,000 บาท โดยให้รูด 3 ครั้ง ครั้งละ 10,000 บาท และให้เซ็นชื่อตนเป็นภาษาอังกฤษ ตนจึงไม่ได้คิดอะไร เพราะเป็นบัตรของเขาเอง ก็เลยไปกดให้ที่ร้าน เดินไป 5 นาที โดยที่ร้านได้ตรวจบัตรประชาชนตนแล้ว แต่ก็ยินยอมให้รูดเงิน ก่อนที่ตนจะได้เงินสดกลับมา 30,000 บาท แล้วตนก็ไปแวะซื้อของกินนิดหน่อย ก่อนจะกลับมาที่ร้านของอาฉีตอนเกือบเที่ยง จากนั้น เมื่อมาถึง ตนก็มอบบัตรเครดิตและเงินสดให้อาฉี ก็นั่งคุยกันสักพัก อยู่ดี ๆ อาฉีพยายามจะผลักตนขึ้นเตียงและจะข่มขืนตน ตนก็ขัดขืนปฏิเสธพร้อมผลักออกกึ่งทีเล่นทีจริง ซึ่งอาฉีพยายามบอกแค่ว่า "นิดหน่อยนะ ๆ" โดยตนไม่กล้าทำรุนแรง เพราะอยู่ในที่ของฝ่ายชาย กลัวว่าจะได้รับอันตราย แต่ฝั่งอาฉีพยายามจะง้างมือชกต่อยข่มขู่จะทำร้ายร่างกายและจับเนื้อตัวร่างกายเรื่อย สักพักผ่านไปกว่าชั่วโมง ตนเลยจะขอกลับ ฝ่ายชายก็ออกไปสูบบุหรี่ ตนจึงเล่นมือถือที่เตียง ก่อนที่อยู่ดี ๆ ผ่านไป 10-15 นาที เขาจะเดินเข้ามากระชากมือถือตนพร้อมมือจะชกอีกรอบ แต่ยังไม่ทันทำอะไร เพราะคิดว่าตนจะเรียกรถกลับไปก่อนเดินลงบันไดออกไป ตนนั่งตั้งสติประมาณ 5 นาที ก็พยายามเดินตามเอามือถือคืนอย่างระมัดระวัง เพราะอยู่ในที่ของเขา กลัวจะถูกดักทำร้าย แต่เดินออกมาหน้าร้านก็ไม่เจออาฉี และร้านรอบข้างก็ปิดไม่มีใครให้สอบถาม ตอนนั้นประมาณบ่ายสามแล้ว ตนเลยเดินตามหาเรื่อย ๆ จนเจอวินมอเตอร์ไซต์ จึงเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนช่วยให้ส่งที่ห้างเซ็นทรัลพัทยา เมื่อไปถึงก็รีบแจ้งศูนย์ค่ายมือถือเพื่ออายัดมือถือว่าสูญหายและขอซิมใหม่ แล้วค่อยไปขึ้น taxi กลับ กทม. ด้วยที่ติดตัวไปด้วยพันกว่าบาทตอนสี่โมงเย็นครึ่ง หลังเกิดเหตุ ตนก็ไม่สามารถที่จะติดต่ออาฉีได้อีกเลย เพราะไม่สามารถเข้า WeChat ได้ ซึ่งตนยังคงรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาอาฉีเองก็ดูจะเป็นคนดี เคยพูดเตือนถึงพฤติกรรมคนจีนที่นิสัยไม่ดีในประเทศบ่อยครั้ง จนตนเชื่อมั่นว่าเขาน่าจะเป็นคนดี แต่ความจริงมาปรากฏตอนที่เขาจะพยายามข่มขืนตน ที่ผ่านมาตนไม่กล้าไปแจ้งความ ทั้งที่ สภ.บางละมุง และ สน.ท้องที่บ้านของตน เนื่องจากตนไม่มีพยานหลักฐานที่เพียงพอและเกรงว่าพนักงานสอบสวนจะไม่รับแจ้งความ อีกทั้งตนไม่กล้ากลับไปแจ้งความที่พัทยาอีกแล้ว เพราะกลัวจะถูกทำร้ายหรือได้รับอันตราย จนกระทั่งมาปรากฏเห็นในสื่อโซเชียลเป็นข่าวว่า ตนไปขโมยบัตรเครดิตของคนจีนคนนี้ไปรูดซื้อทอง ซึ่งไม่เป็นความจริง วันนี้ตนจึงอยากมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับทางเพจสายไหมต้องรอดว่า ตนคือผู้ถูกกระทำ ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ต้องการให้ความจริงปรากฏและยืนยันว่าที่พูดมาทั้งหมดเป็นความจริง ด้านนายเอกภพระบุว่า หญิงคนนี้มาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งตนกำชับให้น้องพลอยพูดความจริง เพราะจะมีหลักฐานอื่น ๆ เช่น ภาพวงจรปิดมายืนยันคำพูด ตนมองว่างานนี้ไม่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งต้องถูกดำเนินคดี แต่เพื่อความแน่ชัดว่าน้องพลอยผู้ถูกต้องหรือไม่ หลังจากนี้ตนจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่ร้านปิ้งย่างดังกล่าวที่พัทยาและจะประสานไปพูดคุยกับตำรวจ สภ.บางละมุง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและเชิญคนจีนคนนี้มาให้การยืนยันไปเลยว่าใครพูดจริงพูดเท็จ ถึงแม้ว่าเคสนี้จะต้องมองทั้งสองมุมสองด้าน แต่ตนก็ตั้งข้อสังเกตว่า ประเด็นที่กล่าวหาหญิงคนนี้นั้นดูมีพิรุธเพราะมองว่าหากประสงค์จะขโมยบัตรเครดิตจริงๆแล้วหญิงคนนี้จะกลับไปเอาบัตรเครดิตไปคืนทำไม  

เด็ดปีกนักค้ารายย่อย เลขา ป.ป.ส. สั่งกวาด 31 ชุมชนค้ายา พร้อมปลุกพลังชุมชนต่อสู้กับยาเสพติด  วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2567 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ปปส.กทม.พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม รอง ผบก.น.3  พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.อ.มานัส เลาะหมัดจิตร ผกก.สน.ลำหิน พญ.หญิงภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย นพ.ธนัช พจน์พิศุทธิพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด นายศักดิ์ชัย ใสสุข ผู้อำนวยการเขตมีนบุรีเปิดปฏิบัติการ “เด็ดปีกนักค้า รักษาผู้เสพ สร้างชุมชนปลอดภัยยาเสพติด”โดยปิดล้อมตรวจค้นชุมชนแพร่ระบาดยาเสพติด จำนวน 31 แห่ง เพื่อจับกุมผู้ค้ารายย่อย จำนวน 34 เป้าหมาย ในพื้นที่ 4 เขตคือ มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง และคลองสามวา             เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและเด็ดขาด พร้อมประกาศให้ยาเสพติดเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 1 ปี และกำหนดให้มีปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติด Quick win โดยมุ่งลดความรุนแรงของผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติดในชุมชน ด้วยมาตรการจับกุมผู้ค้ารายย่อยในชุมชน และสืบสวนขยายผลไปถึงระดับสั่งการ สำหรับกรุงเทพมหานคร ดำเนินการเป็นครั้งที่ 3 ในพื้นที่ บก.น.3 ซึ่งมีเขตติดต่อกับจังหวัดปริมณฑลที่มีความเคลื่อนไหวของยาเสพติดปริมาณมาก ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมา บก.น.3 มีสถิติจับกุมยาเสพติดสูงเป็นอันดับต้นๆ โดยผลปฏิบัติการในวันนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 20 คดี ผู้ต้องหา 29 คน (ชาย 23 คน หญิง 6 คน) เป็นข้อหาจำหน่าย 2 ราย, ครอบครอง 6 ราย, ครอบครองเพื่อเสพ 12 ราย, เสพ 54 ราย ของกลาง ยาบ้า 3,021 เม็ด ไอซ์ 48.34 กรัม และ-เครื่องกระสุนปืน (.38) จำนวน 6 นัด ทั้งนี้ผู้ต้องหาส่วนใหญ่มีพฤติการณ์ทั้งเสพและจำหน่ายยาบ้า โดยใช้ห้องเช่าหรือบ้านเช่าตามชุมชนที่อาศัยอยู่เป็นที่จำหน่ายยาเสพติดนอกจากนี้ สน.มีนบุรี ยังเข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งถนนประชาร่วมใจ แขวงทรายกองดินใต้ เขตคลองสามวา พบของกลาง ช่อดอกกัญชา จำนวน 66 ถุง(น้ำหนักถุงละ 1.2 กิโลกรัม) รวมน้ำหนัก 80 กิโลกรัม และกัญชาไฟฟ้า บรรจุอยู่ในกล่อง 310 ชิ้น จึงแจ้งข้อหา ส่งออกและพยายามส่งออกสมุนไพรควบคุม(กัญชา)โดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 (มาตรา 46) ซึ่งกำหนดบทลงโทษ จำคุก 1 ปี และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 (มาตรา 42) บทลงโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของมูลค่า หรือทั้งจำทั้งปรับ) จำนวน 1 ราย       ต่อมา เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้ลงพื้นที่เป็นประธานเปิดกิจกรรม “รักษาผู้เสพ สร้างความปลอดภัยให้ชุมชน” ณ ชุมชนมีนบุรีอุปถัมภ์ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อให้กำลังใจ ส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนและครอบครัวให้มีความอบอุ่น มีความสามัคคี และมีส่วนร่วมกันในการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดในชุมชน ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ มีบูธมาให้บริการประชาชนมากมายทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมจากหน่วยงานภาคี…

แอนนา รายงานตัว ก่อนส่งฟ้องอัยการคดีกล่องสุ่ม ยันไม่มีเจตนาโกงนาย วรินทร วัตรสังข์ หรือ แอนนา ทีวีพูล อินฟูลเอ็นเซอร์ชื่อดัง เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.สอท.1 เพื่อรายงานตัว เเละพาตัวพร้อมสำนวนกว่า 6,000 แผ่น ส่งพนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีอาญา สั่งฟ้องในคดี ฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีผู้เสียหาย 119 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 111 ล้านบาทแอนนา ทีวีพูล เปิดเผยว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีลูกค้ากว่า 60,000 คน และได้ขายสินค้าหลายประเภท ทั้งอาหารเสริม, ครีมบำรุงผิว คอลลาเจน และทองคำ เนื่องจากไม่ได้ทำบัญชีและวางระบบธุรกิจให้ชัดเจน เมื่อลูกค้าขอเงินคืนจำนวนมาก จึงเกิดปัญหาสะดุดในช่วงหนึ่งซึ่งในขณะนั้นตนเองได้ใช้เงินลงทุน 700 ล้านบาท ไปซื้อทองคำ 500 ล้านบาท และลงทุนกับสินค้าอื่นอีก 200 ล้านบาท แต่เนื่องจากบริหารผิดพลาด ประกอบกับช่วงเวลานั้นราคาทองคำได้ขึ้นราคาจากบาทละ 27,000 บาท เป็น 34,000 บาท จึงทำให้ขาดสภาพคล่อง จนเกิดปัญหาในการทำธุรกิจขึ้นอีกทั้งยังยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาจะโกงลูกค้า เพราะถ้าคิดจะโกงตั้งแต่แรก ก็คงหอบเงินหลบหนีไปตั้งแต่ที่เกิดเรื่องแล้ว พยายามดิ้นรนหางานทำทุกทางเพื่อจะได้มีเงินมาคืนผู้เสียหายแต่ไม่สามารถคืนให้ได้ครบทุกคน การดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชนจึงรุนแรงเกินไป เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลต่อสภาพจิตใจเป็นอย่างมาก เกิดความเครียดจนไม่อยากทีชีวิตอยู่ เพราะถูกทวงหนึ้ และขู่ฆ่าอย่างไรก็ตาม มีผู้เสียหายหลายรายที่ฟ้องร้องตรงกับตนเอง ซึ่ง ต้นปีที่ผ่านมา มี 2 คดี ที่ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าเป็นความผิดทางแพ่งให้ไปฟ้องร้องทางแพ่ง จึงรู้สึกว่ายังมีทางสู้คดี และมีโอกาสรอดพ้นจากความผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนด้านพลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการ สอท.1 เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิด แอนนา ทีวีพูล ได้ แต่ด้วยคดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานนานพอสมควร ซึ่งจากนี้ ก็จะเป็นขั้นตอนของทางพนักงานอัยการที่จะพิจารณาสั่งฟ้องต่อไปสำหรับเรื่องราวดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายไปแจ้งความกับตำรวจ บก.สอท.1 ว่าถูก แอนนา ทีวีพูล หลอกขายกล่องสุ่มทองคำทิพย์ จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายเรียกให้ แอนยา ทีวีพูล มารับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลอันเป็นถ้าเท็จ หลอกลวง สู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14(1)

 สืบนครบาลรวบไฮโซโจ เจ้าของแบรนด์ขนมกล้วยชื่อดังข่มขื่นและบุกรุก ผู้เสียหายสาวกระโดดตึกจากชั้น 4 เพื่อฆ่าตัวตาย หลังเธอด่ำดิ่งอยู่กับภาพจำที่สุดเลวร้ายจากการถูก “ไฮโซโจ” นักธุรกิจเจ้าของแบรนด์ขนมกล้วยชื่อดังข่มขืนพร้อมคำพูดที่ยังตามหลอกหลอนเธอว่า “กูจะ ย. จนมึงตาย” ล่าสุดเธออาการครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่ในห้อง ICU พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช. ส่งชุดสืบสวนไล่ล่าจับตัวได้โดยผู้ต้องหามีท่าทีขัดขืนการจับกุม อ้างว่า “ผู้หญิงสมยอมและยอมตกเป็นโลกใบที่ 3 เอง” ตำรวจจะเชื่อใครติดตามกันต่อไป          เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., สั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช  ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์    วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก .สส.บช.น.  , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกกฯ , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น รอง สว กก.4 บก .สส.บช.น. , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร รอง สว.ฯ ,             ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา รอง สว กก.1 บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.หญิง ณิชญากาญจน์ เปสลาพันธ์ รอง สว ฝอ บก.สส.บช.น.  , ร.ต.ท.เลิศวริศ เลิศวรปรีชา รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ   อันชูฤทธิ์ รอง สว.ฯ , ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์  รอง สว.ฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว           นายวชิรวิชญ์ หรือโจ เจ้าของแบรด์ขนมกล้วยชื่อดัง อายุ 42 ปี ภูมิลำเนา แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.277/2567 ลงวันที่ 20 มี.ค. 67          ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และบุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน”        จับกุมตัวได้ที่ คอนโดหรูย่าน ซ.นายเลิศ ถ.เพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จ.กรุงเทพ        พฤติการณ์กล่าวคือ นางสาวเอ (นามสมมติ)กับร่างไร้สติในห้อง ICU ที่อาการครึ่งเป็นครึ่งตาย จากการตัดสินใจกระโดดตึกจากชั้น 4 เพื่อหวังจะลาโลกใบนี้ หลังจากที่ต้องทุกข์ทรมานดำดิ่งอยู่กับภาพจำที่สุดเลวร้ายจากการถูก “ไฮโซโจ” ย่ำยีพร้อมคำพูดที่ยังตามหลอกหลอนเธอว่า “กูจะ ย จนมึงตาย” ไม่สามารถสลัดออกจากจิตใจของเธอได้กว่า 4 วัน เรื่องราวที่สุดแสนรันทดหดหู่เกิดขึ้นที่ย่านสีลม จ.กรุงเทพฯ โดยผู้เคราะห์ร้าย เธอพักอยู่ที่บ้านพักละแวกสีลมและดำเนินชีวิตโดยปกติของเธอ และมีไฮโซโจนักธุรกิจที่เป็นเจ้าของแบรนด์ขนมกล้วยชื่อดัง และขยายกิจการมาเปิดร้านขายกัญชาอยู่ข้างๆบ้านที่เธอพักอาศัย เรื่องเลวร้ายได้เกิดขึ้นตอนย่ำรุ่งของวันที่ 13 มี.ค. 67 เมื่อไฮโซโจตกอยู่ในอาการมึนเมาในร้านขายกัญชาของตัวเอง ก่อนจะบุกเข้าไปในบ้านและเข้าไปในห้องนางสาว เอ ที่นอนอยู่ จากนั้นได้ลงมือล่วงละเมิดเธอพร้อมตะคอกใส่หูเธออย่างโรคจิตว่า “กูจะ…จนมึงตาย”   พยายามดิ้นต่อสู้แต่ไม่สามารถสู้แรงได้ จนเธอสลบไปตอนไหนไม่รู้ เมื่อเธอได้สติตื่นมาก็พบว่าไฮโซโจยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกับเธอ เธอรวบรวมสติก่อนจะหลบหนีออกจากบ้านอย่างสุดชีวิต…

นายกฯกำชับตำรวจเลิกแบ่งฝ่าย ขอโฟกัสทำงานเพื่อประชาชนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ภายหลังการประชุมมอบนโยบายให้กับตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาจากทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกที่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปร่วมสังเกตการณ์ได้  โดยนายกฯกล่าวว่า ได้กำชับให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตั้งแต่ระดับพลตำรวจโทจนถึงระดับรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมให้เข้มงวดในภารกิจดูแลพี่น้องประชาชน ทั้งเรื่องการพนันออนไลน์, ยาเสพติด, มือปืน, บ่อน, เผาป่า , การอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว, การดูแลเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง,  รวมทั้งกำชับเรื่องความสมัครสมานสามัคคี  ไม่ให้ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ให้นำประชาชนเป็นที่ตั้ง เชื่อว่าแต่ละคนก็มีความรักความชอบที่แตกต่างกัน แต่ขอให้เก็บไว้ในใจ ให้ทำงานเพื่อประชาชน และตำรวจไม่ได้มีหน้าที่ให้ข่าวสนับสนุนใคร จึงไม่ต้องการให้มีการก้าวก่ายหรือให้ข่าวเรื่องใด ๆ อีกต่อไปแล้ว และไม่ต้องการให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ทุกท่านยังฝักใฝ่เรื่องนี้ หากยังพูดถึงแต่เรื่องนี้ ประชาชนก็จะเดือดร้อน ตำรวจเองก็จะไม่ตั้งสมาธิกับการการทำงาน ดราม่าจบไปแล้ว อีกทั้งรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็มีภารกิจหลักอยู่ ซึ่งได้หารือนอกรอบกับพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐแล้วว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง และช่วงบ่ายวันนี้ก็จะมีการลงรายละเอียดในเรื่องนโยบายต่อไป  ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นวานนี้ที่ได้มีคำสั่งให้ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ 2 นายไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มั่นใจว่าจะไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมส่วนจะอยู่ในกรอบระยะเวลา 60 วันนั้นไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่หากสามารถดำเนินการได้รวดเร็วกว่านั้นก็จะดี  ส่วนจะมีผลทางวินัยและอาญาในภายหลังหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนข้อเท็จจริง หากไม่พบการกระทำความผิดก็สามารถกลับมาได้ แต่จะกลับมาก่อนเกษียณอายุราชการหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการฯเช่นกัน และคงจะมีการชี้แจงในภายหลัง ตอนนี้จึงไม่อยากให้ข่าวที่เป็นการชี้นำหวังว่าหลังจากนี้จะไม่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ยืนยันว่าไม่ใช่การสร้างภาพ ให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายได้หรือไม่ แต่คำสั่งดังกล่าวจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือคลื่นใต้น้ำหรือไม่นั้น ไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการเซ็นคำสั่งดังกล่าวเป็นเรื่องที่ยาก และไม่สบายใจที่จะตัดสินใจ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้แบ่งงานให้กับทั้งสองท่าน เนื่องจากมีภารกิจหลายอย่าง  ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ในอดีตสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งเคยมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ประกอบด้วย บุคคลภายนอกขึ้นมาตรวจสอบนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่สุดท้ายยืดเยื้อ ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่สามารถนำมาบังคับใช้ทางอาญาหรือวินัยได้เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขของพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติฯ จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้นใหม่ กรณีนี้จะ เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีตอบว่า “ท่านใช้คำว่าอดีตนั้นถูกต้องแล้ว แต่นี่คือปัจจุบัน ผู้นำก็คนละคน“

ไฟไหม้บ้านหรู เพลิงคลอกร่าง นักเล่นหุ้นทองคำ เจ้าของบ้าน เสียชีวิตคาห้องนอน เมื่อเวลา 03.30 น.วันที่ 21 มี.ค.67 ร.ต.อ.ไท สว่างจิตร รองสารวัตร(สอบสวน)สน.วังทองหลาง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านมีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 51 ซอยลาดพร้าว56 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมประสานสถานีดับเพลิงบางกะปิ นำรถน้ำ 5 คัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) แพทย์เวรสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ลักษณะทรงยุโรป พื้นที่ประมาณ 200 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด หน้าบ้านมีป้ายเขียนบ้านเลขที่51 และชื่อ สุขุมาลจันทร์ พบเพลิงไหม้ลุกลามรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำประมาณ 30 นาที พบเพลิงเผาวอดเสียหายทั้งหลัง  จากการตรวจสอบภายในห้องนอนชั้น 2 พบศพนายกุลกวี สุขุมาลจันทรา อายุ 55 ปี เจ้าของบ้านถูกไฟคลอกเหลือแต่กระดูก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานจากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีอาชีพเล่นหุ้นทองคำ มีครอบครัวแล้วแต่แยกกันอยู่ไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ส่วนมีลูกชายและหญิงรวม 2 คนไปอยู่ต่างประเทศ ส่วนผู้เสียชีวืตพักอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดเหตุเพียงคนเดียว ปกติผู้เสียชีวิตจะไปนอนที่คอนโดฯภรรยาหรือออกไปเที่ยวเกือบทุกคืนไม่ค่อยอยู่บ้าน ก่อนเกิดเหตุช่วง 22.00 น. วันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา เพื่อนบ้านยังเห็นเดินอยู่หน้าบ้าน กระทั่งช่วงกลางดึกได้ยินเหมือนไฟฟ้าช็อตเสียงดัง 2-3 ครั้งก่อนมีแสงเพลิงลุกไหม้บ้านอย่างรวดเร็วร.ต.อ.ไท กล่าวว่า หลังเกิดเหตุสอบถามเพื่อนบ้านให้ข้อมูลว่าเจ้าของบ้านไม่ค่อยอยู่บ้านออกไปข้างนอกเกือบทุกคืนแต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในพบศพคาดเป็นเจ้าของบ้าน หลังเกิดเหตุให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสาเหตุ เบื้องต้นสาเหตุคาดว่าเกิดไฟฟ้าลัดวงจร

บิ๊กโจ๊กน้อมรับคำสั่งช่วยราชการสำนักนายกฯรอบสอง ยืนยันไม่กังวลหรือโดดเดี่ยวพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งให้ตนเองและพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 60 วันนั้น ได้รับทราบคำสั่งดังกล่าวแล้วและคาดว่าเป็นเรื่องจริง เนื่องจากเห็นกระแสข่าวจากหลายแห่ง และทราบว่าโฆษกรัฐบาลได้แถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่เห็นเนื้อหาว่าให้ไปปฏิบัติหน้าที่อะไร คาดว่าจะมีความชัดเจนในเย็นวันนี้ แต่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อผู้บังคับบัญชามีคำสั่งมาก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่   และหากหนังสือคำสั่งดังกล่าวมีผลทันที วันพรุ่งนี้ตนเองและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมกับนายกรัฐมนตรีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ เนื่องจากถือว่าต้องไปช่วยราชการแล้ว   ส่วนมูลเหตุคำสั่งย้ายทั้ง 2 คนนั้น ยังไม่ทราบว่าด้วยเหตุผลใด ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่จะเกิดจากความขัดแย้งระหว่างตนเองกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือไม่นั้นก็ไม่ยืนยัน เนื่องจากการประชุมร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และตนเอง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ไม่เห็นสัญญาณบ่งชี้ใด ๆ นายกรัฐมนตรีกำชับเพียงเรื่องการทำงาน ขณะที่การพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเมื่อคืนวานนี้ก็เป็นไปโดยปกติ ส่วนการสั่งย้ายคู่จะเป็นการมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งหรือไม่นั้น วันที่ผู้บัญชาการแห่งชาติก็ได้แถลงแล้ว และตั้งแต่มีคำสั่งมาก็ยังไม่ได้คุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพราะประชุมมาโดยตลอด  อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี แต่จะได้กลับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา  พร้อมยืนยันว่า ไม่ถือว่าการไป ทำงานที่จังหวัดเชียงใหม่ล้มเหลว เพราะตนเองไปทำงาน และงานก็สำเร็จเรียบร้อยด้วยดี ยืนยันว่าไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะตนเองเคยไปมาแล้ว และแม้ว่าอยู่ที่ไหนตัวเองก็ต้องตั้งใจทำงาน ผมไม่กังวลใจ ไม่เป็นไร พร้อมทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ว่า ตามฉายาแมวเก้าชีวิตนั้น ตอนนี้เหลือกี่ชีวิต พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์เพียงหัวเราะและตอบว่า ‘ไม่หรอกครับ’

"ใบเตย อาร์สยาม" แถลงศาลตัดสิน ยกฟ้อง คดี forex-3dวันนี้ (20 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ ศาลอาญา รัชดา น.ส.สุธีวัน หรือ ใบเตย พร้อมนายอมร กุศลทนายความ ให้สัมภาษณ์หลังศาลตัดสินยกฟ้องคดี forex-3d โดยศาลมีคำสั่งยกฟ้อง กรณีที่ นางพิกุล บำนิล และ นายประสิทธิชัย วิวัฒน์ เป็นโจทก์ฟ้อง 9 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย 1.บริษัท อาร์ เอ็ม เอส แฟมิเลิย จำกัด ,2.นายอภิรักษ์ โกฏธิ ,3.นายกิตติเซษฐ์หรือสรายุทช ไชยเดช ,4.บริษัท มิ ติ เพย์ จำากัด,5.นายศิษฎ์ธนามย์ โพธิ์เงิน,6.นายสุภิญโญ มิสมปราชญ์ ,6.นายนิโก โวอุดา ,8.นายพัฒนพล มันทะบิน ,และ 9.นางสาวุสุธิวัน กุญชร หรือ ใบเตย ในข้อหา ในความผิดฐาน ผิดสัญญาผู้ไม่มีชื่อ และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จากกรณี forex-3d โดยศาลให้เหตุผลว่าไม่มีพยานหลักฐานเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงถึงมีเพียงภาพถ่ายใบเดียวส่วนคดีเพ่งศาลตัดสินจำเลยที่ 1,2,4 ร่วมกันชำระเงิน 1,755,723.60 บาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 24 ส.ค.63) ไปจนถึงวันที่ 10 เม.ย.64 หลังจากนั้นให้คิดดอกเบี้ยผิดนัดอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง กับให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท  ด้านทนายความกล่าวว่า คดีในวันนี้เป็นคดีที่ผู้เสียหายยื่นฟ้องดําเนินคดีส่วนบุคคล  ซึ่งเป็นคนละสํานวนกับคดีที่อัยการยื่นฟ้อง โดยเป็นพยานหลักฐายชุดเดียวกัน ซึ่งทางทนายจะนําหลักฐานดังกล่าวที่ศาลยกฟ้องในวันนี้ ไปใช้ในสํานวนหลักของดีเอสไอที่ศาลนัดสืบพยานเดือนกรกฎาคม หลังจากนี้ทีมทนายจะพยายามยื่นขอประกันตัวดีเจแมนให้ได้ ส่วนการบื่นอุทธรณ์เป็นสิมของโจททีายื่นได้ทตนไม่ขอก้าวล่วงในประเด็นนี้  ส่วนการยื่นขอความเป็นธรรมเรื่องการชดใช้เงินเยียวยา อยู่ระหว่างการปรึกษาครอบครัวและทีมทนายขณะที่ใบเตย ระบุ ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรททําและตัดสินว่าตนบริสุทธิ์และขอบคุณที่ยังมีตราชั่งความบุติธรรม ก่อนหน้านี้ไม่เคยออกมาที่ไหนมาก่อนเพื่อรอคําตัดสินในวันนี้และขอบคุณผู้ใหญ่ในวงการบันเทินที่ยังให้โอกาสตนเอง โดยหลังจากนี้จะตั้งใจกลับไปทํางานเต็มที่และจะเลี้ยงดูลูกให้ดี เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้เจอดีเจแมนหรือไม่ ใบเตย กล่าวว่า ดีเจแมนรู้คํสตัดสินศาลในวันนี้แล้ว ซึ่งมีคงามดีใจเป็นอย่างมากและได้มีการพูดคุยพร้อมฝากความคิดถึงไปยังลูกอีกด้วยด้านแม่ดีเจแมน เปิดเผยว่า ตนขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม เพราะมี่ผ่านมาลูกถูกตัดสินในโลกโซเชียลว่าทําผิด ซึ่งตนไปเยี่ยมลูกเกือบทุกครั้ง โดยดีเจแมน ยังคงมีกําลังใจที่ดีในการต่อสู้คดีต่อไป ทั้งนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์ ปรากฎว่ารถควบคุมผู้ต้องขังของเรือนจําได้ขับผ่าน โดยมีเสียงตะโกนเรียกใบเตยหลายครั้ง จากนั้นใบเตยได้ยกมือโบกพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งจากการสอบถามทราบว่าเป็นเสียงของ “ดีเจแมน”

บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก สยบรอยร้าว เคลียร์ปมขัดแย้งโดยพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ กล่าวว่า การแถลงข่าววันนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันและไม่ให้เกิดความสับสน โดยเฉพาะภาพลักษณ์ขององค์กรที่เผยแพร่ในสายตาประชาชนในขณะนี้ ยืนยันว่าหลังจากนี้ คดีที่เกี่ยวเนื่องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ ทั้งคดี Bnk Master ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูนนั้น หลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโดยส่งให้ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางรับดำเนินการทั้งหมดเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ส่วนกรณีหมายเรียกของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จากสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน จะถือว่าเป็นโมฆะหรือไม่นั้นจะต้องให้พนักงานสอบสวนหารือด้วยกันอีกครั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า เรื่องนี้ได้นำเรียนนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดภาพของความขัดแย้ง ซึ่งตนเองเป็นผู้ตัดสินใจในฐานะผู้บังคับบัญชาว่าจะขอเข้าคุยกับนายกรัฐมนตรีเอง และแจ้งพลเอกสุรเชษฐ์ว่าจะเข้าไปคุยกับนายกฯร่วมกัน และชไม่ใช่เกิดจากถูกเรียกไปคุย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยหารือกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์มาโดยตลอด ย้ำว่าไม่ได้มีความขัดแย้งระหว่างกัน ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยขัดแย้งกับใคร ทุกอย่างเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาและคิดไปเอง เหตุใดตนเองจะต้องไปสกัดขาพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ตามที่เป็นกระแสข่าวด้วย ที่ผ่านมาก็แต่งตั้งตำแหน่งอย่างเป็นธรรมและเปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนได้แสดงความคิดเห็นและความสามารถ ความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นล้วนเกิดจากโซเชียลมีเดียและขบวนการต่าง ๆ และหลังจากนี้ก็ขอให้ ความขัดแย้งระหว่างผู้ใต้บังคับบัญชาที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายยุติลงด้วย“ยอมรับว่าที่ผ่านมารู้สึกเครียดและพยายามประนีประนอมไม่ให้เกิดภาพความขัดแย้งระหว่างผู้บังคับบัญชา เพราะต้องการให้ผู้บังคับบัญชามีความสุขและมีขวัญกำลังใจ ขณะที่นายกฯเองก็ขยันทำงานมาโดยตลอด จึงไม่อยากนำเรื่องนี้ไปรบกวนนายกฯ ตนเองเหลือเวลาอีก 100 วัน ก่อนเกษียณจึงอยากทำทุกวันให้ดี แม้ตนเองจะไม่ได้จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจแต่ก็เป็นอาจารย์ มากกว่า 20 ปี อยากให้ทุกคนอยู่กันอย่างพี่น้องทำไมเราจะรักกันไม่ได้ หากตำรวจรักกันไม่ได้ประชาชนจะทำอย่างไร”ส่วนกรณีที่วานนี้ พลตำรวจตรีนำเกียรติ ธีระโรจนพงศ์ ได้ออกมาเปิดเผยชื่อย่อของนายตำรวจระดับสูงและครอบครัว ที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับเว็บไซต์พนันออนไลน์เครือข่าย bnk master นั้น ได้สั่งให้ตรวจสอบในทางลับไปแล้ว และกรณีดังกล่าวยังไม่เกิดเป็นคดี ขออย่าถามคำถามที่ทำให้เกิดความขัดแย้งหรือด้อยค่าองค์กรอีกส่วนจะมีความกังวลว่าหลังจากนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ จะเอาคืนพนักงานสอบสวนหรือไม่นั้นเชื่อว่าผู้ที่เติบโตมาได้ถึงระดับผู้บังคับบัญชานั้นจะต้องมีคุณธรรมเป็นตัวนำอยู่แล้ว ส่วนการทำงานของตนเองนั้นก็ไม่สามารถประเมินคะแนนได้ทุกอย่างอยู่ที่มุมมองของประชาชน แต่ในฐานะที่เคยทำงานภาคเอกชนมาก่อนก็พร้อมจะพิจารณาพิจารณาตัวเองหากทำงานไม่ดีไม่ต้องให้ใครมาไล่ และตนเองไม่เคยหวงตำแหน่ง การแต่งตั้งต่างๆ ที่ผ่านมาก็ เปิดโอกาสให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทุกคนได้แสดงความคิดเห็นและความสามารถ และที่ที่ผ่านมาตนเองได้พยายามแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกำลังและงบประมาณให้ตำรวจมาตลอด ทุกอย่างล้วนเป็นผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้นด้านพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีแนวคิดในการยุติความขัดแย้งทั้งหมดในองค์กรตำรวจ จึงได้พาตนเองไปพบนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้นำเรียนนายกรัฐมนตรีด้วยตนเองว่าจะส่งสำนวนคดีที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้กับ ป.ป.ช. ย้ำว่าหลังจากนี้ตำรวจทุกคนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมลเป็นผู้บังคับบัญชาเท่านั้น และพลตำรวจเอกต่อศักดิ์จะเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชน หลังจากนี้จะไม่พูดถึงเรื่องเดิมหรือเรื่องเก่าอีกต่อไป ส่วนที่เป็นคดีก็ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ ก็ต้องให้ไปชี้แจง แล้วเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายโดยยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น เช่นเดียวกับพลตำรวจตรีนำเกียรติผู้ใต้บังคับบัญชาที่เดินทางไปงานแถลงข่าววานนี้ ก็ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามคำสั่งก่อนหน้านี้ และหากการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายผิดวินัยก็จะต้องถูกดำเนินการส่วนกรณีหมายเรียกจากสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ที่ตัวเองไปรับทราบข้อกล่าวหาที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ในวันพรุ่งนี้นั้น เนื่องจากตนเอง อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่และไม่มีญาติพี่น้องรับหมายเรียกตามกฎหมาย จึงถือว่ายังไม่ได้รับหมายเรียก ส่วนขั้นตอนหลังจากส่งสำนวนไปที่ ป.ป.ช.แล้วนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กล่าวได้ว่าความผิดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐจะส่งไปที่ ป.ป.ช.เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ก็ถือว่าอำนาจของพนักงานสอบสวนต้องสิ้นสุดเท่านี้ และหลังจากนี้จะดำเนินการถอนฟ้อง คณะพนักงานสอบสวนในคดีพนันออนไลน์มินนี่ทั้งหมด และยืนยันจะไม่มีการเอาคืนกับพนักงานสอบสวนอย่างแน่นอน หากทำเช่นนั้นแล้วนายกรัฐมนตรีจะต้องตำหนิตนเองอย่างแน่นอน“ตนเองอีก 7 ปีก็จะเกษียณ และไม่มีใครขัดแย้งจนกว่าจะเกษียณ ลูกผู้ชายคุยกันก็จบ การเป็นผู้บังคับบัญชาต้องเสียสละและให้อภัย ทุกอย่างจะจบลงได้ด้วยดี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ยืนยันแล้วว่าจะให้ความเป็นธรรม ยืนยัน ไม่ใช่ สตช.การละคร เราต้องจริงใจ ไม่ใช่อีเวนต์“ส่วนกรณีที่ทีมทนายความของตนเองได้ เปิดเผยข้อมูลเส้นทางการเงินจากเว็บไซต์พนันออนไลน์จำนวน 34 เส้นเงินที่เชื่อมโยงไปถึงในตำรวจระดับสูง และพลตำรวจตรีนำเกียรติซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทได้ออกมาเปิดเผยตัวย่อของผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ไม่ได้เอ่ยชื่อใครและไม่ได้มีตัวตนวันนี้ zet zero ต้องเสียสละเรื่องราวในอดีตไป ใครมีคดีอะไรก็ไปดำเนินการ ลูกน้องของตนเองมีคดีก็ต้องไปแก้ไข ทุกหน้างานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ได้รับมอบหมายจะต้องดำเนินการอย่างเต็มที่ภายใต้ความไม่ขัดแย้ง การแถลงข่าววันนี้เป็นการส่งสัญญาณให้ความเชื่อมั่นกับประชาชน ทุกคนเป็นลูกน้องของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อศักดิ์อยู่คนเดียวต้องไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย

สืบนครบาลรวบ พรธิตา ร่วมนายทุนชาวจีนจัดให้มีการเล่นบาคาร่าออนไลน์ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง  ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก      วันที่ 19 มีนาคม  2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี , พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์  และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3ฯ และ พ.ต.ท.รณฤทธิ์ กิตติมาศ สว.กก.สส.3ฯ ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ปิ่น มหถาวร รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.บช.น (ชุดปฏิบัติการที่ 3/4 ) ร่วมกันจับกุมตัว              น.ส.พรธิตา อายุ 35 ปี ภูมิลำเนา แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง  กรุงเทพมหานครจับกุมบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.137/2567 ลง 4 มี.ค.2567 ( สภ.บ่อวิน จว.ชลบุรี)              ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ (บาคาร่า) หรือช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อให้ผู้อื่นเข้าหรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด,โดยวิธีการโอน รับโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะหรือหลังการกระทำความผิดมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง, โดยได้มาครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นโดยรู้ขณะที่ได้มาครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิด”              สถานที่จับกุม บริเวณด้านหน้าห้องเลขที่ 236/79 ซอย20มิถุนา 11 แยก5 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวางกรุงเทพมหานคร     นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อวิน จว.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป       พฤติการณ์คือเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี ได้ทำการตรวจค้นบ่อนการพนัน ภายในโรงแรมอีสพานา ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จากการตรวจค้นที่ห้องพักหมายเลข 1206 ชั้น 2 พบ Mr.Yang อายุ 44 ปี สัญชาติจีน กำลังนั่งควบคุมการถ่ายทอดสดการเล่นพนันประเภทบาคาร่าออนไลน์ ผ่านทีวีของโรงแรม ตรวจยึดของกลางเป็นโต๊ะบาคาร่า พร้อมเก้าอี้ 1 ชุด อุปกรณ์เล่นพนันบาคาร่า เช่น ไพ่ นาฬิกาจับเวลา กระดิ่งกดเวลา ป้ายแสดงผลแพ้ชนะ พร้อมชุดถ่ายทอดสด และชิปแลกเงินสดมูลค่ากว่า 4,000,000 บาท ต่อมาจาการสืบสวนขยายผล จนพบว่า น.ส.พรธิตา ผู้ต้องหา ได้เปิดบัญชีธนาคารให้ Mr.Yang เพื่อนำไปทำเป็นบัญชีสำหรับรับโอนเงินเพื่อแลกชิป ที่ใช้ในการเล่นการพนัน มูลค่าเกินกว่า 5 ล้านบาท หลังจากนั้น เงินได้โอนต่อไปยังบัญชีอื่น ที่ใช้ในการรับผลประโยชน์จากการเปิดบ่อนการพนัน และโอนจ่ายเป็นเงินให้กับลูกค้าที่ชนะพนัน  พนักงานสอบสวนจึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ น.ส.พรธิตา จนนำมาสู่การจับกุมดังกล่าว            จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่า ตนรู้จักกับ Mr.Yang จากการทำธุรกิจท่องเที่ยวเมื่อหลายปีก่อน จึงไว้ใจเปิดบัญชีให้ไปใช้ โดยอ้างว่าไม่รู้ว่า Mr.Yang นำไปใช้ทำธุรกรรมใด

สืบนครบาล จับกุมบอย บ้านดุงสวมรอยเพจ บอย ท่าพระจันทร์ โจรออนไลน์หลอกขายโทรศัพท์  ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง  ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร.ให้ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เดือดร้อน ว่ามีคนร้ายใช้เพจบอย ท่าพระจันทร์ สร้างความน่าเชื่อถือหลอกจำหน่ายโทรศัพท์         เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์, พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.ฯ, พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3ฯ ได้สั่งการให้  พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์, ร.ต.อ.พงศธร อารีย์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., ด.ต.ประเทศ ช่อลำเจียก, ส.ต.อ.อวิรุทธ์ เนียมบุญเจือ, ส.ต.อ.นิติสิทธิ์ โชติคุต, ส.ต.อ.พลภัทร ปรีชา ผบ.หมู่ กก.สส.3  บก.สส.บช.น.  ชุดปฏิบัติการที่ 3   และ สน.ทองหล่อ ร่วมกันจับกุมตัว          นายอนุวัฒน์ อายุ 23 ปี ภูมิลำเนา  อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี       เป็นบุคคลตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 246/2567 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2567      ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชนฯ”       สถานที่จับกุม บริเวณห้องพักคนงาน ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ           พฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2565 ผู้เสียหายพบเห็นผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ "บอย ท่าพระจันทร์" (แอบอ้างใช้ชื่อผู้อื่น) ประกาศขายโทรศัพท์ วันพลัส 8 โปร มือสอง ในราคา 6,100 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ติดต่อสั่งซื้อไป โดยเป็นการโอนเงินเข้าผ่านบัญชีคนกลางโอนไปยังบัญชีธนาคารทหารไทยธนชาต ชื่อบัญชี อนุวัฒน์ (ผู้ต้องหา) เป็นเงิน 6,100 บาท ภายหลังจากโอนเงินไปแล้ว ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อได้ทั้งคนกลางและผู้ขาย จึงเชื่อว่าตนถูกหลอกลวง ผู้เสียหายจึงได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีต่อไป         ผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยอ้างว่าเพื่อนโขมยมือถือไป แล้วไม่ได้ไปแจ้งความ จำชื่อเพื่อนไม่ได้          พล.ต.ต.ธีรเดช  ผู้การจ๋อ ขอเตือนภัยต้องระมัดระวังมิจฉาชีพ เลือกร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ สินค้าราคาถูกเกินจริง ต้องยิ่งระวัง อ่านรีวิวให้เยอะก่อนซื้อ เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ สอบถามรายละเอียดจากผู้ขายทุกครั้งก่อนซื้อและเก็บหลักฐานการโอนเงินให้ครบ

แตกตื่นกลางคอนเสิร์ตพัทยา "พี่ตูน" ชายป่วนโยน "กระเป๋าปริศนา" ใส่หลังเวที เจ้าหน้าที่บุกรวบสุดระทึก พร้อมหน่อย EOD

ดูเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/100070091468764/posts/722390033440706 เพจ Facebook : คนข่าวออนไลน์ Facebook : คนข่าวออนไลน์ https://www.facebook.com/Press005 LINE OpenChat : คนข่าวออนไลน์ https://line.me/ti/g2/qYsgZN4MCUZE-c7bp4529LgFybXVV9_iuFTHpA Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCY-hn1t6CEccKZMt38lfjMg

CHANGE LANGUAGE
Powered by
คนข่าวออนไลน์ khonkhao.com
ตีแผ่ ทุกเรื่องราว เจาะลึกทุกความจริง ช่วยเหลือทุกพื้นที ด้วยทีมข่าวมืออาชีพ
บริการของเรา
รูปภาพของเรา
ที่ตั้งของเรา
บัญชีชำระเงิน

คนข่าวออนไลน์ khonkhao.com

ตีแผ่ ทุกเรื่องราว เจาะลึกทุกความจริง ช่วยเหลือทุกพื้นที ด้วยทีมข่าวมืออาชีพ

แชร์หน้านี้
โหลดหน้าใหม่
คัดลอกลิงก์